เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ชาวอเมริกันรวมตัวกันไว้อาลัยต่อ จอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันผิวดำ วัย 46 ผู้ปลุกกระแสต่อต้านการเหยียดผิวขึ้นทั่วโลก หลังจากเขาถูกตำรวจผิวขาวใช้กำลังรุนแรงขณะเข้าจับกุมจนเสียชีวิต ในพิธีรำลึกที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเซ็นทรัล ในเมืองมินนีแอโปลิส รัฐมินเนโซตา ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ท่ามกลางการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวในสหรัฐที่ยังปรากฎขึ้นทั่วทุกระแหง
ในพิธีไว้อาลัยนายฟลอยด์ ซึ่งมีครอบครัวของฟลอยด์ร่วมด้วย ได้มีการยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 8 นาที 46 วินาที ซึ่งเป็นเวลาที่เท่ากับที่นายดีเร็ก ชอวิน ตำรวจผิวขาวผู้ก่อเหตุใช้เข่ากดคอนายฟลอยด์ขณะจับกุมจนเสียชีวิตในเมืองมินนีแอโปลิสเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนจุดกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวในสหรัฐครั้งประวัติศาสตร์ขึ้น ขณะที่นายเมดาเรีย อาร์ราดอนโด ผู้บัญชาการตำรวจเมืองมินนีแอโปลิส คุกเข่าลงขณะขบวนศพของฟลอยด์เคลื่อนเข้ามายังสถานที่จัดพิธีเป็นการแสดงเคารพ
โดยเบนจามิน ครัมป์ ทนายของครอบครัวฟลอยด์ กล่าวในพิธีว่า จะทวงความยุติธรรมคืนให้กับฟลอยด์ และว่า “การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาไม่ได้เป็นสิ่งที่สังหาร จอร์จ ฟลอยด์” แต่เป็นการแพร่ระบาดของ”ลัทธิเหยียดผิวและการเลือกปฏิบัติ”
ด้านอัล ชาร์พตัน บาทหลวงผิวสีแห่งคริสตจักรโปรแตสแตนต์และผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองในสหรัฐ กล่าวในพิธีว่ากระประท้วงของมวลชนจะดำเนินต่อไป และว่า การตายของจอร์จ ฟลอยด์จะไม่สูญเปล่า
“ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลุกขึ้นมาในนามของจอร์จ และพูดว่า เอาเข่าของคุณออกไปจากคอของเรา” บาทหลวงชาร์พตัน และว่า “คุณเปลี่ยนโลกแล้ว จอร์จ เราจะต่อสู้ต่อไป จนกว่าเราจะเปลี่ยนแปลงความยุติธรรมทั้งระบบได้”
ที่นครนิวยอร์ก มีการจัดพิธีไว้อาลัยนายฟลอยด์ขึ้นด้วย ซึ่งมีผู้มาร่วมงานหลายพันคน รวมถึง เทอร์เรนซ์ พี่ชายชองฟลอยด์ โดยมีการเขียนข้อความแสดงการต่อต้านการเหยียดผิวไว้ด้วยว่า “ความเงียบของคนขาวคือความรุนแรง” และ “ทำให้อเมริกาไม่ต้องอัปยศอีกครั้ง”
ขณะที่การเดินขบวนประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวอย่างสงบของอเมริกันชนยังคงมีขึ้นในหลายเมืองใหญ่จากฟากตะวันตกไปถึงฟากตะวันออกของประเทศ อย่างไรก็ดีมีรายงานการจับกุมผู้ประท้วงเกิดขึ้นในเขตแมนฮัตตันของนิวยอร์กหลังจากเข้าสู่ภาวะเคอร์ฟิวในเวลา 20.00 น.
ส่วนในย่านบัฟฟาโล มีรายงานตำรวจผลักชายผิวขาวสูงอายุ ล้มลงกับพื้นจนหมดสติและมีเลือดออกที่หูข้างหนึ่ง โดยคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์ จุดความไม่พอใจให้กับชาวอเมริกันขึ้นอีก ต่อมาตำรวจสหรัฐแถลงว่าชายสูงอายุคนดังกล่าว “สะดุดและล้มลง” ขณะนี้มีอาการทรงตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เปิดการสอบสวนในกรณีนี้แล้ว
