สื่อมาเลเซียรายงานเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า นายตันสรี มูฮัมหมัด ชาฟี อับดุลลาห์ ทนายความของนายนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและผู้ต้องหาในคดีทุจริตยักยอกเงินกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งรัฐ หรือ 1 เอ็มดีบี กล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียว่าได้ทำลายทรัพย์สินที่เป็นกระเป๋าแบรนด์หรูราคาแพงของครอบครัวนายนาจิบ ซึ่งถูกตำรวจยึดไปในระหว่างการบุกตรวจค้นหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตอื้อฉาวดังกล่าวที่คอนโดที่พักของครอบครัวนายนาจิบเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2018 โดยทนายนายนาจิบกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดึงป้ายกระเป๋าแบรนด์หรูที่ลูกความของเขาเก็บไว้ทิ้ง และใช้ปากกามาร์คเกอร์ขีดเขียนทำเครื่องหมายไว้บนกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงดังกล่าว ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของลูกความตน และว่า ลูกความของตนยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าตรวจดูทรัพย์สินที่ถูกทางการยึดไปด้วย
ดิ เอจ รายงานอ้างทนายความนายนาจิบกล่าวหาด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นที่พักของครอบครัวนายนาจิบ โดยไม่มีเจ้าของบ้านอยู่ด้วย และไม่ได้ลงบันทึกรายการทรัพย์สินที่ยึดไปอย่างเหมาะสม ด้านนิวสเตรทส์ไทม์สอ้างนายฟัตนิน ยูซอฟ รองอัยการมาเลเซียกล่าวโต้ว่า ทรัพย์สินที่มีการยึดไปมีการลงบันทึกรายการไว้อย่างถูกต้องทั้งหมด และยังปฏิเสธการกล่าวหาของทนายนายนาจิบที่ว่าทรัพย์สินซึ่งถูกยึดไปดังกล่าวถูกทำลายเสียหาย โดยชี้ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นถูกเก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารเนการา มาเลเซีย
คำโต้แย้งของทนายความนายนาจิบถูกยกขึ้นมาในระหว่างการพิจารณาคำร้องขอของนายนาจิบที่ยื่นขอตรวจทรัพย์สินของครอบครัวตนเองที่ถูกตำรวจยึดไปในระหว่างการตรวจค้นบ้านพักในปีดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่ารวมกันกว่า 680 ล้านริงกิต (ราว 5,100 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้แบรนด์หรูของนางรอสมาห์ มานซอร์ ภรรยานายนาจิบ โดยมีรายงานว่าผู้พิพากษาศาลสูงมาเลเซียได้อนุญาตให้นายนาจิบพร้อมทนายหนึ่งคนเข้าตรวจสอบทรัพย์สินได้
