สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนที่จะใช้คำสั่งผู้บริหารในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ พร้อมแสดงท่าทีชัดเจนว่าเขาไม่สนับสนุนแผนการปฏิรูปตำรวจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตามกระแสเสียงเรียกร้องที่ถูกปลุกขึ้นจากคดีฆาตกรรมนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันผิวสีที่เสียชีวิตด้วยฝีมือตำรวจผิวขาว ซึ่งจุดชนวนต่อต้านการเหยียดผิวขึ้นในสหรัฐก่อนลุกลามไปทั่วโลก
โดยทรัมป์กล่าวปราศรัยที่โบสถ์ในเมืองดัลลัสเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ว่าคำสั่งดังกล่าวจะชี้แนะให้กรมตำรวจปฏิบัติตามมาตรฐานแห่งชาติในการใช้กำลังในการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยรัฐบาลยังจะสนับสนุนการจัดฝึกอบรมที่ดีขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจและโครงการนำร่องต่างๆ สำหรับเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ในการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย
ทรัมป์ยังกล่าวเหน็บถึงกรณีที่มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ตัดงบประมาณสนับสนุนกรมตำรวจลง แล้วนำเงินดังกล่าวไปสนับสนุนโครงการเพื่อการศึกษา สวัสดิการสังคม ที่อยู่อาศัยแและความจำเป็นด้านอื่นๆ ของชุมชนแทน โดยกล่าวว่า ความก้าวหน้าจะไม่เกิดขึ้นได้ด้วยการตราหน้าชาวอเมริกันหลายล้านคนว่าเป็นพวกเหยียดผิว “หลายวันที่ผ่านมามีการถกเถียงถึงการนำความเป็นธรรม ความเสมอภาคและความยุติธรรมมาสู่ประชาชนของเรา น่าเสียดายที่ยังมีความพยายามที่จะทำให้เกิดความแตกแยกและการผลักดันวาระสุดโต่งที่เราจะไม่สนับสนุน ซึ่งไม่เพียงจะทำให้เกิดความยากจนมากขึ้นเท่านั้น แต่จะทำให้เกิดอาชญากรรมและความทุกข์ยากมากขึ้น นี่รวมถึงความพยายามที่จะตัดงบและยุบตำรวจ” ทรัมป์กล่าว ซึ่งถือเป็นการนำเสนอแนวนโยบายด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศเป็นครั้งแรกของทรัมป์ หลังเกิดลุกฮือประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวที่ลุกลามกลายเป็นเหตุจลาจลรุนแรง ซึ่งทรัมป์ยังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากการเรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงและยังขู่จะส่งกำลังทหารเข้าไปจัดการด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของรัฐบาลทรัมป์ยังไม่มีความครอบคลุมพอเมื่อเทียบกับแผนการเสนอร่างกฎหมายปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายของพรรคเดโมแครต ที่มุ่งยุติการกระทำอันโหดร้ายเกินกว่าเหตุของตำรวจ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวอาจนำเข้าสู่การโหวตแสดงความเห็นชอบได้ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ โดยที่มีรายงานว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันเองบางคนก็มีท่าทีสนับสนุนในบางมาตรการของร่างข้อเสนอของพรรคเดโมแครตด้วย ซึ่งรวมถึงการห้ามล็อกคอ และการยกเลิกเอกสิทธิ์คุ้มครองทางกฎหมายที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายหลีกเลี่ยงจากการถูกดำเนินคดีด้านสิทธิพลเมืองได้
