สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เตรียมยืดระยะเวลาในการแบนการออกวีซ่าทำงานในสหรัฐออกไปจนถึงสิ้นปี และยังขยายขอบเขตออกไปถึงวีซ่าประเทศ เอช-1บี ที่เป็นวีซ่าสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้วย
โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การยืดระยะเวลาห้ามออกวีซ่าทำงานดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ โดยคำสั่งนี้จะทำให้มีตำแหน่งงานในสหรัฐว่างลงราว 525,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหาร เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 มิถุนายน เพื่อยืดระยะเวลาการห้ามออกวีซ่าทำงานในสหรัฐสำหรับผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐออกไป หลังจากประกาศใช้มาตรการดังกล่าวเมื่อ 2 เดือนก่อน ที่มีระยะเวลาบังคับใช้ 60 วัน ให้ยืดออกไปถึงสิ้นปีนี้ และยังรวมไปถึงการห้ามออกวีซ่า ประเภท เอช-1บี ที่ออกให้แก่แรงงาน 85,000 คนในแต่ละปี ซึ่งเป็นวีซ่าสำหรับแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
นอกจากนี้ ยังครอบคลุมไปถึงวีซ่า ประเภท เจ สำหรับบุคลากรด้านการศึกษาและนักวิจัย และวีซ่า ประเภท แอล ที่ใช้สำหรับบริษัทต่างๆ ในการโยกย้ายตำแหน่งงาน รวมไปถึงการห้ามออกวีซ่า ประเภท เอช-2บี สำหรับตำแหน่งงานระยะสั้น ที่มีมากถึงราว 66,000 ตำแหน่งต่อปี ส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งงานที่ใช้ทักษะน้อย เช่นในแวดวงอาหารและบริการ และวีซี เอช-4 สำหรับคู่สมรสของผู้ที่ถือวีซ่าทำงาน
ด้านนายซุนดา พิชัย ซีอีโอของกูเกิล บริษัทที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากวีซ่า เอช-1บี กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังอย่างมากกับประกาศดังกล่าว โดยนายพิชัยระบุในทวิตเตอร์ของตัวเองว่า แรงงานต่างชาติได้ผลักดันให้เศรษฐกิจของอเมริกาก้าวหน้าอย่างมาก และกลายเป็นประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยี
