มุขมนตรีของรัฐพิหารที่ตั้งอยู่ทางตะวันออก และรัฐอุตตรประเทศที่อยู่ทางตอนเหนือของอินเดียเผยว่า เกิดฟ้าผ่าซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วมกันในสองรัฐมากกว่า 100 ศพ โดยที่รัฐพิหารมีผู้เสียชีวิต 83 ราย ขณะที่ในรัฐอุตตรประเทศ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในอินเดีย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย
ที่รัฐอุตตรประเทศยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 12 คน ขณะที่โฆษกรัฐบาลของรัฐพิหารระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ได้รับบาดเจ็บในขณะนี้ โดยทั้งสองรัฐจะจ่ายเงินชดเชยให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตแต่ละรายเป็นเงิน 400,000 รูปี หรือราว 170,000 บาท
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบด้านสภาพภูมิอากาศซึ่งทำให้มีช่วงว่างระหว่างฤดูร้อนอันแห้งแล้งกับฤดูฝนยาวนานขึ้น ทำให้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าผ่ามากขึ้น
ในปีที่มีผ่านมา รัฐพิหารมีรายงานเกิดฟ้าผ่าขึ้น 225,508 ครั้ง ขณะที่ในรัฐอุตตรประเทศมีฟ้าผ่า 322,886 ครั้ง โดยในระหว่างวันที่ 1 เมษายนถึง 31 กรกฎาคม 2562 มีผู้เสียชีวิตจากฟ้าผ่าในทั้งสองรัฐรวม 394 ราย
