ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | มนต์ทิพย์ ธานะสุข |
เผยแพร่ |
ได้รับไฟเขียวจากศาลไปเป็นที่เรียบร้อยให้หนังสือเรื่อง The Room Where It Happened ผลงานของ จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา วางแผงหนังสือได้ หลังจากความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ที่จะโน้มน้าวให้ศาลออกคำสั่งห้ามวางขายหนังสือเล่มนี้ของโบลตันที่เนื้อหาภายในส่วนใหญ่ให้ภาพเชิงลบต่อทรัมป์ในทำนองเป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถนั้น ไม่ประสบผล
หลายประเด็นร้อนที่เป็นคำกล่าวอ้างของโบลตันพาดพิงถึงทรัมป์ในหนังสือเล่มนี้ หลุดมาถึงมือสื่อ รวมถึงบีบีซีที่รวบรวมมาส่วนหนึ่งเป็น 10 ประเด็นร้อนที่เตะตา
เริ่มจากประเด็นแรก โบลตันอ้างว่าทรัมป์ต้องการให้จีน มหาอำนาจต่างขั้ว ช่วยเหลือเขาให้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ โดยโบลตันอ้างว่าทรัมป์พูดเป็นนัยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในการพบปะกันในการประชุมจี 20 ที่ญี่ปุ่นในปีที่แล้ว อ้างถึงขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของจีน แล้ววกเข้าเรื่องศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเลย
“เขาเน้นถึงความสำคัญของชาวนาและการซื้อถั่วเหลืองและข้าวสาลีเพิ่มขึ้นของจีนที่มีในผลการเลือกตั้ง” โบลตันอ้างถึงทรัมป์ ขณะที่เกษตรกรรมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของรัฐแถบมิดเวสต์ที่ช่วยดันให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปี 2016
โบลตันอ้างถึงประเด็นการสร้างค่ายกักกันชาวอุยกูร์ในจีน ที่ทำให้รัฐบาลปักกิ่งตกเป็นที่วิจารณ์หนักจากโลกภายนอกและกลุ่มสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าในการพบปะกันครั้งนั้น ล่ามบอกว่าทรัมป์กล่าวเออออเห็นด้วยกับการสร้างค่ายกักกันชาวอุยกูร์ของจีน
โบลตันยังอ้างว่าไม่ได้มีแค่ผู้นำจีนเท่านั้น ที่ทรัมป์เสนอตัวช่วยเหลือปกป้อง แต่ยังมีผู้นำเผด็จการอำนาจรายอื่นอีก โดยโบลตันอ้างว่าทรัมป์เสนอที่จะช่วยเหลือ เรเจป เทยิป แอร์โดอาน ผู้นำตุรกี ในกรณีที่ทางการสหรัฐทำการสอบสวนบริษัทเอกชนตุรกีแห่งหนึ่งเกี่ยวกับการฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยทรัมป์บอกว่าเขาจะดูแลทุกอย่างในเรื่องนี้เอง
ในหนังสือโบลตันสนับสนุนข้อกล่าวหาของพรรคเดโมแครตที่ว่าทรัมป์ใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อหวังให้ยูเครนช่วยเขี่ย โจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ไปให้พ้นทางในสังเวียนเลือกตั้ง โดยการใช้เงินช่วยเหลือทางทหารมาเป็นข้อต่อรองกับผู้นำยูเครน จนนำไปสู่การเปิดกระบวนการอิมพีชเม้นต์เพื่อถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง แต่โบลตันกลับจวกพรรคเดโมแครตที่มัวแต่มุ่งเน้นไปที่เพียงประเด็นยูเครน แทนที่จะขยายประเด็นสอบไปในกรณีประพฤติผิดในเรื่องอื่นอีกที่มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ทรัมป์หลุดจากเก้าอี้ได้
โบลตันยังอ้างอีกว่า ในการสนทนากับสี จิ้นผิง ที่บอกว่าอยากทำงานร่วมกับทรัมป์ต่อไปอีก 6 ปี ฝ่ายทรัมป์บอกกับผู้นำจีนว่าชาวอเมริกันเองก็อยากให้เขาแก้รัฐธรรมนูญที่จำเป็นเพื่อที่จะให้เขาอยู่ในตำแหน่งได้ต่อไปอีกมากกว่า 2 สมัย
โบลตันอ้างถึงวาระหนึ่งที่ทรัมป์ได้พบกับ เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในขณะนั้น ที่มีการกล่าวถึงการเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ชาติหนึ่งของอังกฤษ แต่ทรัมป์กลับกล่าวเชิงถามว่าอังกฤษเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์หรือ ซึ่งโบลตันย้ำว่า “นั่นไม่ใช่มุขตลก”ของทรัมป์
โบลตันยังอ้างว่าก่อนพบปะกับ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ทรัมป์ยังหลุดปากถามว่าฟินแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียใช่ไหม
โบลตันยังแฉว่าในการประชุมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ในปี 2018 ทรัมป์ยังเกือบตัดสินใจจะถอนตัวออกจากนาโต
ทรัมป์ยังเคยพูดถึงประเทศที่สร้างความปวดหัวให้กับรัฐบาลตัวเองด้วยว่า น่าจะเจ๋งที่จะบุกเวเนซุเอลา
ในหนังสือของโบลตันยังบอกเล่าอีกหลายเรื่องราวที่คนวงในใกล้ชิดในทำเนียบขาว ยังชอบล้อเลียนทรัมป์เป็นเรื่องตลก ที่โบลตันเปรียบวงประชุมหนึ่งในทำเนียบขาวว่าเหมือนวงแย่งอาหาร มากกว่าจะเป็นวงถกหารือด้านนโยบาย
ใครสนใจอยากอ่านเนื้อหาฉบับเต็ม ตอนนี้วางแผงแล้วในสหรัฐ