นายเกรก แอบบอต ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสของสหรัฐออกมาเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในรัฐเท็กซัสกำลังพบกับจุดเปลี่ยนที่สุดแสนจะอันตรายและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐเท็กซัสเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยที่ราว 2,000 คนต่อวันกลายเป็นมากกว่า 5,000 คนต่อวัน
การเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ทางการรัฐเท็กซัส ฟลอริดา และอีกหลายรัฐ สั่งเพิ่มมาตรการคุมเข้มขณะเปิดเมือง พร้อมกับมีการเตือนว่าในอีกไม่ช้าโรงพยาบาลจะเต็มล้นไปด้วยผู้ป่วยจำนวนมาก โดยนายแอบบอตระบุว่า ตัวเลข 5,000 ที่ระบุถึงคือจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในรัฐเท็กซัสต่อวัน
แม้จะมีการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่ยังคงมีกลุ่มผู้ประท้วงออกมารวมตัวกันในเมืองออสติน ซึ่งเป็นเมืองหลักของรัฐเท็กซัส เพื่อต่อต้านข้อกำหนดให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะเพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า จะมีการเพิ่มชุดตรวจโควิด-19 ให้กับรัฐเท็กซัสตราบเท่าที่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสาธารณสุขของรัฐเท็กซัสมีทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับความต้องการในขณะนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวเท็กซัสสวมใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ที่มีการระบุไว้ เนื่องจากเป็นที่ทราบจากประสบการณ์ว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัยจะช่วยชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ทั้งนี้มีหลายรัฐทางตอนใต้และทางตะวันตกของสหรัฐที่มีรายงานการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นจำนวนมาก หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเพื่อลดผลกระทบอันหนักหนาสาหัสที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐก็เพิ่มขึ้นทะลุ 2.6 ล้านคนไปแล้ว ด้านจำนวนผู้เสียชีวิตในสหรัฐก็สูงกว่า 125,000 ราย โดยสหรัฐเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงที่สุดในโลก
