เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางโช ซอน ฮุย รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของเกาหลีเหนือ ออกมาพูดดักก่อนหน้าที่ทูตพิเศษของสหรัฐอเมริกาจะเยือนประเทศเกาหลีใต้ว่า เกาหลีเหนือไม่ได้รู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องเจรจากับสหรัฐ เนื่องจากอีกฝ่ายมองว่าการเจรจาสหรัฐ-เกาหลีเหนือ ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น และว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือจะไม่ประสบผลและเกาหลีเหนือจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายของตนเอง
การแสดงท่าทีดังกล่าวของรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือมีขึ้นก่อนหน้าที่ นายสตีเฟน บีกัน ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐจะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือถึงเรื่องการเจรจากับเกาหลีเหนือที่หยุดชะงักไป ซึ่งยังมีขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธ (1 ก.ค.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีมุน แช อินของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ควรจะพบปะหารือกันอีกครั้งก่อนหน้าที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ด้วยความหวังว่าจะช่วยให้มีการฟื้นการเจรจาด้านนิวเคลียร์ที่ชะงักงันไปกลับมาได้
ด้านนายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีทรัมป์ยังออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่นครนิวยอร์กด้วยว่า ผู้นำสหรัฐอาจต้องการพบปะสุดยอดกับผู้นำเกาหลีเหนืออีกครั้งที่เป็น “เซอร์ไพรส์ตุลาคม” ก่อนหน้าที่การเลือกตั้งสหรัฐจะมีขึ้น
ทั้งนี้ การพบปะสุดยอดสหรัฐ-เกาหลีเหนือระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และคิม จอง อึน เกิดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการพบปะกันที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 2018 ก่อนที่ผู้นำทั้งสองชาติจะพบปะกันอีกครั้งที่ประเทศเวียดนามในปี 2019 และครั้งที่ 3 เกิดขึ้นที่เขตปลอดทหารกั้นพรมแดนสองเกาหลีในเดือนมิถุนายนปี 2019 โดยทรัมป์และคิม จอง อึน เห็นพ้องที่จะให้มีการเจรจาระดับคณะทำงานระหว่างสองประเทศ ที่ประเทศสวีเดนในเดือนตุลาคม แต่มีอันต้องล้มเลิกไป
