สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมว่า ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ในซาอุดีอาระเบีย และประเทศเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก หลังจาก 2 ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในอาหรับ ยกเลิกการใช้เคอร์ฟิวเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
โดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 มากที่สุดในกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย 6 ประเทศ มีรายงานพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 4,100 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 205,929 ราย และยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 1,858 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่มีเพิ่มขึ้นมากกว่า 4,000 รายต่อวันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ส่วนยูเออี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 700 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 50,857 ราย จากก่อนหน้านี้ที่มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 300-400 รายต่อวัน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 321 ราย โดยนครดูไบ ศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวสำคัญของยูเออี ได้ที่เตรียมเปิดให้ต่างชาติเข้าไปในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้
ขณะที่กาตาร์ ซึ่งมีผู้ป่วยติดเชื้อสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค และเคยมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อวันถึงกว่า 2,000 ราย เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม มีรายงานพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นล่สุดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ราว 500 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่เกือบ 100,000 รายแล้ว
ส่วนที่อิหร่าน ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของโควิด-19 ในตะวันออกกลาง มีรายงานพบผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 237,878 ราย และเสียชีวิตรวม 11,408 ราย
