ทางการออสเตรเลียสั่งปิดพรมแดนระหว่าง 2 รัฐ ที่มีประชากรอยู่หนาแน่นมากที่สุดคือรัฐวิกตอเรียและรัฐนิวเซาท์เวลส์ หลังพบการเพิ่มขึ้นของผู้ติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในนครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิกตอเรีย
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในนครเมลเบิร์นทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยคนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึงกว่า 95% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในออสเตรเลีย
ที่ผ่านมารัฐวิกตอเรียและรัฐนิวเซาท์เวลส์ยังคงเปิดให้มีการเดินทางไปมาหาสู่กันได้ตามปกติ อย่างไรก็ดีคำสั่งปิดพรมแดนที่เพิ่งประกาศออกมานั้นจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นการตัดสินใจร่วมกันระหว่างมุขมนตรีทั้ง 2 รัฐ และนายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย จะควบคุมการเดินทางระหว่างกัน โดยเปิดให้ผ่านแดนได้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
การตัดสินใจดังกล่าวซึ่งมีการประกาศในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ ยังจะทำให้เป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี ที่พรมแดนระหว่างทั้ง 2 รัฐ ถูกปิดลง โดยก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ.2462 เจ้าหน้าที่ได้สั่งระงับการเดินทางระหว่างกันขณะเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดสเปน