ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่านักท่องเที่ยวได้เริ่มต้นออกเดินทางอีกครั้ง และวางแผนเกี่ยวกับวันหยุดพักผ่อน แม้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในหลายประเทศยังไม่มีสัญญาณว่าจะบรรเทาเบาบางลงก็ตาม
ผลสำรวจที่จัดทำขึ้นโดยออราเคิล คอร์ปอเรชันระบุว่า ขณะนี้ผู้คน 51% ในทวีปอเมริกาเหนือและลาตินอเมริกากำลังวางแผนที่จะจองทริปท่องเที่ยวภายในหกเดือนข้างหน้า ขณะที่ในเอเชียและยุโรปมีผู้วางแผนจองทริปท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวราว 38%
อย่างไรก็ดีแผนการท่องเที่ยวได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นการเที่ยวในสถานที่ที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก โดยนักท่องเที่ยวเลือกที่จะขับรถมากกว่านั่งเครื่องบิน ทั้งยังหลีกเลี่ยงการเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศอีกด้วย
เนื่องจากประเทศจำนวนมากมีการกำหนดข้อจำกัดในการเดินทาง รวมถึงเรื่องของบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โรงแรมหลายหมื่นแห่งยังคงปิดตัว ขณะที่การเข้าใช้ห้องพักก็ลดต่ำลงกว่า 20% มาหลายสัปดาห์ติดต่อกันแล้ว แต่แนวโน้มการจองห้องพักก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ผู้จัดการทั่วไปของออราเคิล ฮอสปิตาลิตี้ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้รู้สึกยินดีคือขณะนี้ผู้คนต้องการที่จะออกไปท่องเที่ยว พวกเขายังต้องการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ยังมีความต้องการที่จะเดินทาง ออกไปสำรวจและค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ
ทั้งนี้เพื่อจัดการกับความห่วงกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อ โรงแรม 90% ได้มีการเพิ่มหรือวางแผนที่จะเพิ่มการทำความสะอาดรวมถึงการฆ่าเชื้อ ขณะที่ 70% ของโรงแรมได้ดำเนินการไปแล้วหรือวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีซึ่งไม่ต้องให้มีการติดต่อกับผู้คนมาใช้ในการเช็คอิน การสั่งอาหาร รวมถึงการให้บริการลูกค้าในด้านอื่นๆ ด้วย
ออราเคิลได้ทำแบบสำรวจดังกล่าวกับกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภค 4,600 คน และผู้บริหารโรงแรมอีก 1,800 แห่งในสหรัฐ เม็กซิโก อังกฤษ เยอรมนี สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา