นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยส่งมอบแท่งคอนกรีตปะการังเทียม 500 แท่ง พร้อมทุ่นลอยน้ำบอกตำแหน่ง และป้ายแจ้งเตือนติดตั้งบนชายฝั่งแก่จังหวัดก่าเมา ซึ่งเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ ณ จุดใต้สุดของเวียดนาม โดยมีนาย จ่าว กง บ่าง รองผู้อำนวยการกรมการเกษตรและพัฒนาชนบทของจังหวัดก่าเมา ตัวแทนคณะกรรมการประชาชนประจำตำบล เจิ่น วาน โถ่ย และหมู่บ้าน คั้น บิ่ญ ไต หน่วยงานฝ่ายเวียดนามที่เกี่ยวข้อง และชาวประมงในพื้นที่ ร่วมรับมอบอย่างพร้อมเพรียง และหลังพิธีส่งมอบแล้ว จังหวัดก็จะนำปะการังเทียมไปหย่อนลงในทะเลในจุดที่ผู้เชี่ยวชาญกำหนดไว้ต่อไป
โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศไทย (TICA) กรมประมงภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทย ร่วมกับรัฐบาลเวียดนามและจังหวัดก่าเมาซึ่งริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะทรัพยากรปลาของจังหวัดก่าเมา ซึ่งที่ผ่านมามีปริมาณลดน้อยลง จนเคยทำให้ชาวประมงในพื้นที่ต้องเดินเรือออกไปจับปลาในน่านน้ำที่ไกลออกไปจากเวียดนาม โครงการปะการังเทียมของรัฐบาลไทยซึ่งจะทำหน้าที่เป็น “บ้านของปลา” นี้ จะช่วยเพิ่มจำนวนปลาในน่านน้ำเวียดนามบริเวณนี้ให้มีมากขึ้น นับเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอย่างสร้างสรรค์และเน้นการร่วมมือระหว่างกัน
นอกจากปลาแล้ว ก่าเมายังเป็นหนึ่งในแหล่งส่งออกอาหารทะเลที่สำคัญที่สุดของเวียดนาม โดยมี “ปูก่าเมา” ที่มีชื่อ และยังมีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และมีอุทยานแห่งชาติ อู มิง ห่า ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์กรยูเนสโก
กงสุลใหญ่กล่าวในพิธีส่งมอบเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาที่มีคนเป็นศูนย์กลางตามแนวพระราชดำริแนวทางการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ซึ่งโครงการดังกล่าวเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในท้องถิ่นในการมีส่วนร่วมและดูแลรักษาปะการังเทียมอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ และกรมการเกษตรฯ จังหวัดก่าเมาและตัวแทนชาวประมง ก็ได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญของกรมประมง เจ้าหน้าที่ TICA อดีตกงสุลใหญ่ในสมัยที่ผ่านมา และเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยคนปัจจุบัน ที่ให้ความช่วยเหลือในโครงการดังกล่าวจนประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นประโยชน์กับชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริงในการช่วยฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล อันจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นและประเทศด้วย