ตุรกีเตรียมแจ้งยูเนสโก สถานะใหม่ “ฮาเกีย โซเฟีย”

ฮาเกีย โซเฟีย (รอยเตอร์)

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทางการตุรกีเปิดเผยว่าจะแจ้งให้องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) รับทราบถึงการเปลี่ยนสถานะของ ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) หรือ อายา โซเฟีย พิพิธภัณฑ์อันมีชื่อเสียงตั้งอยู่ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี กลับไปเป็นมัสยิดอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามคำพิพากษาของศาลสูงสุดตุรกีที่ตัดสินเมื่อวันศุกร์(10 ก.ค.)ที่ผ่านมาว่าการเปลี่ยนอาคารโบราณทรงโดมแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปีค.ศ.1934 ตามคำสั่งของมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ประธานาธิบดีคนแรกของตุรกีนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยประธานาธิบดีเรเจป เทยิป แอร์โดอาน ของตุรกีในขณะนี้ยังประกาศในทันทีให้โบราณสถานแห่งนี้กลับมาเป็นมัสยิดและให้เริ่มจัดกิจกรรมทางศาสนาภายในมัสยิดได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่จากคำตัดสินดังกล่าวของศาลตุรกี ได้ทำให้ยูเนสโกออกมาประกาศในเวลาต่อมาว่าจะทำการทบทวนสถานะของฮาเกีย โซเฟีย ในฐานะมรดกโลกอีกครั้ง

โดยนายเมฟเลิต ชาวูโชลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในประเด็นนี้ว่า ตุรกีรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของทางยูเนสโก อย่างไรก็ตาม ตุรกีจะแจ้งให้ยูเนสโกรับทราบถึงการดำเนินการเพิ่มเติมต่อไปกับฮาเกีย โซเฟีย

เมื่อถูกถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความห่วงกังวลที่เกิดขึ้นจากหลายฝ่าย ซึ่งรวมถึงสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ที่ทรงแสดงความกังวลในเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีกล่าวว่า การตัดสินใจของตุรกีในการเปลี่ยนสถานะของฮาเกีย โซเฟีย เป็นมัสยิดนั้นเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย “เราเคารพความเห็นของทุกคนแม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่เราขอปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวต่อการแสดงความคิดเห็นที่เป็นการละเมิดต่อสิทธิอธิปไตยของตุรกี”

ทั้งนี้ ฮาเกีย โซเฟีย เคยเป็นโบสถ์คริสต์ออร์โธดอกซ์มาก่อนซึ่งสร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,500 ปีก่อนในยุคจักรวรรดิไบเซนไทน์ ก่อนจะถูกเปลี่ยนสถานะเป็นมัสยิดในปีค.ศ. 1453 หลังการเข้ายึดครองจักรวรรดิออตโตมัน และถูกเปลี่ยนสถานะเป็นพิพิธภัณฑ์ตามคำสั่งอตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งประเทศตุรกี ในปี 1934

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image