เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัท ไบโอเอ็นเทค ของเยอรมนี และ บริษัท ไฟเซอร์ ผู้ผลิตยารายใหญ่สัญชาติอเมริกัน ที่ร่วมกันพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมถึงผลการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า จากการทดลองแสดงให้เห็นแนวโน้มที่ดีว่าวัคซีนดังกล่าวมีความปลอดภัยและทำให้เกิดการตอบสนองต่อภูมิต้านทานโรคในผู้ป่วย นอกจากนี้ผลการทดลองยังแสดงให้เห็นว่ามีการตอบสนองของที-เซลล์ในระดับสูงในการต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ด้วย
ผลการทดลองนี้มาจากการทดลองใช้วัคซีนนี้ในกลุ่มอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงดีจำนวน 60 คนในประเทศเยอรมนี ซึ่งจากการทดลองแสดงให้เห็นว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนไป 2 โดส ร่างกายจะผลิตแอนติบอดี้ที่ยับยั้งเชื้อไวรัสขึ้น ซึ่งผลที่ได้คล้ายคลึงกับการทดลองขั้นต้นที่ทำในสหรัฐอเมริกาที่มีการรายงานข้อมูลเมื่อต้นเดือนนี้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เตือนว่าวัคซีนที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล จะใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 12-18 เดือน โดยขณะนี้มีวัคซีนมากกว่า 150 ตัวที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและทดลองกันอยู่ทั่วโลก ในจำนวนนี้มีวัคซีน 23 ตัวที่อยู่ในขั้นทำการทดลองทางคลินิกในมนุษย์
ด้านสำนักข่าวบีบีซีรายงานวันเดียวกันว่า วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ทางมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ได้พัฒนาขึ้นและทำการทดลองอยู่นั้น แสดงผลออกมามีความปลอดภัยและจัดการกับระบบภูมิคุ้มกันได้ โดยผลดังกล่าวเป็นการทดลองในเฟสหนึ่ง ในกลุ่มทดลองจำนวน 1,077 คน แสดงให้เห็นว่าหลังจากอาสาสมัครได้รับการฉีดวัคซีนเข้าไป ทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้และเซลเม็ดเลือดขาวขึ้นมาที่สามารถต่อสู้กับไวรัสโคโรนาได้ อย่างไรก็ตามยังเร็วเกินไปที่จะสรุปผลในการป้องกัน ซึ่งจะต้องทำการทดลองใช้วัคซีนในกลุ่มตัวอย่างที่มากกว่านี้ที่กำลังดำเนินการอยู่
