
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดบริเวณโดยรอบสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวนของจีน ซึ่งมีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำสถานกงสุลสหรัฐแห่งดังกล่าวกำลังเตรียมขนย้ายกันออกไป หลังจากรัฐบาลจีนออกคำสั่งให้ปิดสถานกงสุลสหรัฐแห่งนี้ลง เพื่อตอบโต้สหรัฐที่ได้สั่งปิดสถานกุงสลของจีนในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัสไปก่อนหน้า ซึ่งมีขึ้นหลังจากสหรัฐออกมากล่าวหาจีนว่าพยายามขโมยข้อมูลการวิจัยคิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของสหรัฐ

รอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้วางกำลังรักษาการณ์ด้านนอกสถานกงสุลสหรัฐ และทำการปิดการจราจรบนถนนโดยรอบ ขณะที่จะเห็นได้ว่าตราสัญลักษณ์ของสถานกงสุลสหรัฐได้ถูกปลดลงและมีการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ภายในสถานกงสุล ก่อนที่จะมีรถตู้ 3 คันแล่นเข้าไปในภายใน แต่ยังไม่มีการให้ความเห็นใดๆ ในเรื่องนี้จากเจ้าหน้าที่สถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตูและสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงปักกิ่ง

ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐได้ให้เวลาจีน 72 ชั่วโมงหรือจนถึงเวลา 16.00 น.ของวันที่ 24 กรกฎาคมตามเวลาท้องถิ่น ให้เจ้าหน้าที่จีนออกไปจากสถานกงสุลจีนในเมืองฮุสตัน ที่นายไมก์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ออกมากล่าวอ้างโจมตีว่าสถานกงสุลจีนแห่งดังกล่าวเป็นศูนย์กลางที่จีนใช้ในการสอดแนมข้อมูลและขโมยทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศสหรัฐ ก่อนที่ในเย็นวันศุกร์(24 ก.ค.)ที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐให้การยืนยันว่าสถานกงสุลจีนในเมืองฮุสตันได้ถูกปิดลงแล้ว

ด้านจีนให้เวลาสหรัฐปิดสถานกงสุลในเมืองเฉิงตูลงภายใน 72 ชั่วโมงเช่นกัน หรือจนถึงเวลา 10.00 น.ของวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคมนี้ จากการรายงานของโกลบอลไทม์ส สื่อทางการจีน
ทั้งนี้จากข้อมูลทางเว็บไซต์สถานกงสุลสหรัฐระบุว่า สถานกงสุลแห่งนี้เปิดทำการมาในปี 1985 มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่เกือบ 200 คน ในจำนวนนี้รวมถึงลูกจ้างท้องถิ่นด้วยราว 150 คน อย่างไรก็ดียังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าขณะนี้มีนักการทูตสหรัฐที่ประจำอยู่ที่สถานกงสุลแห่งนี้กี่คน หลังจากที่มีการอพยพออกจากประเทศจีนไปแล้วหลังเกิดสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19