สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมว่า เจ้าหน้าที่ทูตและผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมาเตือนว่า การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา จะยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในประเทศที่มีความขัดแย้งที่ร้ายแรงที่สุดในโลกย่ำแย่ลงไปอีก และเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจที่จะยิ่งทำให้สถานการณ์ความรุนแรงเลวร้ายลงไปอีก
ริชาร์ด โกแวน ผู้เชี่ยวชาญจากยูเอ็น ประจำสำนักงานในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า มีความเป็นห่วงกังวลระดับสูงมากว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น มีความรุนแรงมากขึ้น
โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ได้ร้องขอให้ทั่วโลกสนับสนุนการหยุดยิง ที่หลายฝ่ายไม่ค่อยให้ความสนใจ และยังมีคงมีการต่อสู้อย่างต่อเนื่องตามจุดต่างๆ เช่น เยเมน ลิเบีย และซีเรีย
ทั้งนี้ การล็อกดาวน์ตามเมืองต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ได้จำกัดการเดินทางของบรรดาเจ้าหน้าที่ทูต กองกำลังรักษาสันติภาพ และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ อีกทั้งยังกีดขวางความพยายามในการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยและกีดขวางการขนส่งความช่วยเหลือ
โดยในประเทศเยเมน มีพลเรือนหลายหมื่นคนที่ต้องตายลงเนื่องจากความรุนแรงในประเทศที่มีมาตั้งแต่ปี 2015 มาร์ค โลว์ค็อก หัวหน้าหน่วยบรรเทาทุกข์ของยูเอ็น กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ในเยเมนตอนนี้ เกิดภาวะขาดแคลนอาหารขึ้นมาอีก มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจย่ำแย่ หน่วยงานด้านมนุษยธรรมใกล้จะแตก ตอนนี้ยังมีปัญหาใหม่อีก คือ โควิด-19 ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้
ซึ่งเจ้าหน้าที่ทูตของอังกฤษ ประจำคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ได้ทำให้เงินช่วยเหลือถูกตัดลดลง ทั้งที่เป็นเงินที่หล่อเลี้ยงผู้คนในประเทศเยเมนมานาน
