เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายริชาร์ด พีบอดี นักระบาดวิทยาซึ่งทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป ระบุว่า การแพร่ระบาดที่กลับมาอยู่ในระดับสูงอีกครั้งในหลายประเทศในยุโรป ไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่เชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 มีความร้ายแรงขึ้นแต่อย่างใด แต่เกิดจากสาเหตุผสมผสานกัน ตั้งแต่การผ่อนคลายมาตรการเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคลายกฎเกณฑ์สำคัญระหว่างหน้าร้อน นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มการตรวจหาเชื้อมากขึ้นในหลายประเทศ
นายพีบอดีระบุว่า แม้จะมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อกลับไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ติดเชื้อใหม่ๆ ในยุโรปมักเป็นคนหนุ่มสาว ซึ่งมักไม่แสดงอาการร้ายแรงออกมา และมีอัตราการเสียชีวิตต่ำอยู่ก่อนแล้ว
นายพีบอดีระบุว่า ตอนนี้องค์การอนามัยโลกกำลังวิตกว่าในยุโรปจะมีการผ่อนคลายมาตรการมากขึ้นไปอีก และเตือนว่า โควิด-19 นั้นจะกลับมาแพร่ระบาดใหม่ได้ในทันทีที่มาตรการป้องกันผ่อนคลายลง
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งที่กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง ยอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 2,500 รายต่อเนื่องกันเป็นวันที่สองเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำสถิติพบผู้ป่วยใหม่รายวันสูงสุดในรอบ 4 เดือน อย่างไรก็ตาม ยอดผู้ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลกลับลดลงต่ำกว่า 5,000 คนต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ราวกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยผู้ติดเชื้อใหม่เป็นผู้ป่วยวัยเยาว์อายุระหว่าง 14-44 ปี ส่วนที่เยอรมนี มีผู้ป่วยเพิ่มอีก 1,445 ราย เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม