สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นาย เจอโรม เพาเวลล์ ประธานกองทุนสำรองแห่งรัฐ (เฟด) หรือธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา แถลงหลังการประชุมนโยบายการเงินประจำปีที่แจ็กสันโฮล ถึงการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายครั้งสำคัญ โดยระบุว่า เฟดจะหันมาให้ความสำคัญสูงสุดต่อการผลักดันให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศให้มากที่สุด เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ แทนที่จะเน้นให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อในประเทศเหมือนที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้
ประธานเฟดระบุว่า การปรับเปลี่ยนทางนโยบายครั้งนี้เป็นไปเพื่อแก้ไขอุปสรรคที่ทำให้เฟด ไม่สามารถบรรลุถึงเป้าหมาย ก่อให้เกิดการจ้างงานในสหรัฐอเมริกาเต็มที่ โดยตระหนักว่า การเปลี่ยนแปลงสภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ทำให้สภาพตลาดแรงงานตึงตัว ไม่จำเป็นที่จะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติ เฟด จะผลักดันให้เกิดการจ้างงานมากขึ้นผ่านการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำใกล้ศูนย์เปอร์เซ็นต์เป็นเวลานานมากกว่าช่วงเวลาของการขยายตัวทางเศรษฐกิจครั้งที่ผ่านมา ผลักดันให้ธุรกิจขยายตัว การจ้างงานเพิ่มมากขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องยอมรับให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นเกินกว่าระดับ 2 เปอร์เซ็นต์อยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น
ที่ผ่านมา เฟด ยึดการกำหนดอัตราเฟ้อเป้าหมายเป็นหลักอ้างอิงในการกำหนดนโยบาย โดยกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาต้องไม่เพิ่มขึ้นเกินระดับ 2 เปอร์เซ็นต์มานานกว่า 10 ปี แต่นับแต่นี้ต่อไป นโยบายเงินเฟ้อของเฟด จะเปลี่ยนเป็น “ให้บรรลุถึงอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 2 เปอร์เซ็นต์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง” เท่านั้น
นายเพาเวลล์ย้ำด้วยว่า นี้เป็นการกำหนดนโยบายอันเป็นปฏิกิริยาต่อสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจในยามนี้ แต่เฟดไม่ได้เปลี่ยนแปลงเป้าหมายของตนเองแต่อย่างใด
