นางเลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ คนใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนไทยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อเดินทางมาเป็นหนึ่งใน ผู้รับพระราชทานโล่เชิดชูเกียรติจากพระหัตถ์สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะ สตรีที่มีผลงานโดดเด่นแห่งอาเซียนและจีน พร้อมด้วยสตรีไทยดีเด่น จำนวน 173 คน โดยนับเป็นปีแรกที่มีการมอบรางวัลสตรีดีเด่นที่เป็นชาวต่างชาติ
โดยนางโรเบรโด ได้ให้สัมภาษณ์กับ “มติชน” ที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในวันเดียวกันว่า สถานการณ์ของไทยในปัจจุบันนั้นไม่ได้ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติอยู่ในระดับดี และจะดียิ่งขึ้นไปอีก เนื่องจากยังมีความร่วมมือที่จะเกื้อหนุนกันในอีกหลายด้านไม่ว่าจะด้านการค้า การศึกษา รวมไปถึงการศึกษาบทเรียนจากไทยในด้านต่างๆของฟิลิปปินส์
“ในวันนี้ฉันได้พบกับผู้นำภาคธุรกิจหญิงของไทยซึ่งสอบถามถึงนโยบายเกี่ยวกับการลงทุนจากต่างชาติของฟิลิปปินส์ นั่นถือเป็นสิ่งเกื้อหนุนที่ดี โดยนอกเหนือจากการค้าแล้วยังมีความร่วมมือด้านการศึกษา ขณะที่ไทยเองยังเป็นบทเรียนให้กับฟิลิปปินส์ได้ในหลายๆด้านเช่น นโยบายด้านที่พักอาศัย การให้ความรู้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ด้านการเกษตร และตอนนี้ฟิลิปปินส์มีรัฐบาลใหม่และฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะเริ่มมองมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง” นางโรเบรโด กล่าว
เมื่อถามถึงความเห็นเกี่ยวกับการลงประชามติของไทยที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า นางโรเบรโด ระบุว่า ฟิลิปปินส์ก็กำลังจะอยู่ในเส้นทางเดียวกับไทย เนื่องจาก ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ได้ประกาศจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายๆประเด็นเช่นการเปลี่ยนระบบการปกรองแบบรวมศูนย์เป็นเป็นสาธารณรัฐ การดำเนินนโยบายที่เปิดกว้างกับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ด้วย
ทั้งนี้ นางเลนี โรเบรโด ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน จากพรรคเสรีนิยม วัย 52 ปีได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา นับเป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ฟิลิปปินส์
ชื่อของนางโรเบรโด เป็นที่รู้จักของสาธารณะหลังต้องสูญเสียสามี นายเจสซี โรเบรโด อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยฟิลิปปินส์ ในเหตุเครื่องบินตกเมื่อปี 2555 หลังจากนั้นเลนี ได้ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับเลือกตั้งเป็นสส.จากจังหวัดคามารินส์ซู ในปี 2556 และดำรงตำแหน่งเรื่อยมาจนได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ในการเลือกตั้งครั้งหลังสุดนี้
