สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 9 กันยายนนี้ว่า บริษัทแอสทราเซเนกา บริษัทเภสัชกรรมที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษและเป็นผู้ร่วมพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ออกแถลงการณ์ในวันเดียวกันนี้ระบุว่า บริษัทได้สั่งระงับการทดลองวัคซีน เอแซดดี1222 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการทดลองในคนระยะสุดท้ายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลกเอาไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว หลังจากพบว่ากลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครที่ผู้ร่วมการทดลองวัคซีนตัวนี้ เกิดอาการป่วยที่ไม่สามารถอธิบายที่มาได้ขึ้น
แอสทราเซเนกา อธิบายว่า การระงับการทดลองดังกล่าว เป็นไปโดยสมัครใจของบริษัท ทั้งนี้เพื่อให้เวลาให้คณะกรรมการอิสระเข้าไปทบทวนตรวจสอบข้อมูลด้านความปลอดภัยของวัคซีน โดยจะไม่เริ่มการทดลองใหม่จนกว่าการตรวจสอบดังกล่าวแล้วเสร็จ แต่ทางบริษัทกำลังทบทวนกระบวนการทดลองทั้งหมดเพื่อดูว่าจะลดผลกระทบจากการระงับการทดลองนี้ต่อตารางเวลาในการพัฒนาและผลิตวัคซีนได้อย่างไรบ้าง แต่ย้ำว่า การระงับการทดลองชั่วคราว ถือเป็นการดำเนินการปรกติที่ต้องทำในกรณีที่เกิดอาการป่วยซึ่งอธิบายไม่ได้ขึ้นในหนึ่งในการทดลอง
ทั้งนี้ถ้อยแถลงของแอสทราเซเนกา ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ถึงอาการป่วยที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สแตทนิวส์ เว็บไซต์ข่าวเชิงการแพทย์และเภสัชกรรมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้รายงานข่าวนี้เป็นรายแรกระบุว่า การระงับการทดลองเกิดขึ้นสืบเนื่องจากต้องสงสัยว่าจะเกิด “ปฏิกิริยาในทางลบ” ขึ้นกับกลุ่มตัวอย่าง โดยองค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐอเมริกา ให้นิยามเอาไว้ว่า “ปฏิกิริยาในทางลบ” หมายถึงการเกิดอาการที่มีหลักฐานบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมโยงกับตัวยาที่กำลังอยู่ระหว่างการทดลองนั้น
ในขณะที่ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเป็นคนที่คุ้นเคยกับการทดลองผู้หนึ่งระบุว่าผู้เข้าร่วมอยู่ในการทดลองในประเทศอังกฤษรายหนึ่ง เกิดอาการไขสันหลังอักเสบขึ้น ทั้งนี้อาการดังกล่าวมักเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการติดเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า อาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการได้รับวัคซีนของแอสทราเซเนกา หรือไม่ ในขณะที่แอสทราเซเนกาเองปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์ดังกล่าว
แม้บริษัทจะย้ำว่าการระงับการทดลองนี้เป็นกระบวนการปกติทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นกับวัคซันซึ่ง องค์การอนามัยโลก เองยอมรับว่าเป็น วัคซีนที่ก้าวหน้าที่สุดและล้ำหน้ากว่าวัคซีนอื่นใด ที่กำลังอยู่ระหว่างการทดลองขั้นสุดท้ายด้วยกัน ทำให้การสั่งระงับดังกล่าวก็ทำให้โอกาสที่จะมีวัคซีนได้รับอนุมัติให้ใช้ได้โดยเร็วเลือนลางลง ในขณะที่มีรายงานว่า สหรัฐอเมริกา กำลังเตรียมการเพื่ออนุมัติใช้แบบเร่งด่วน ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
ข่าวนี้ยังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อผู้ผลิตและพัฒนาวัคซีนรายอื่นๆ โดยทำให้ราคาหุ้นของแอสทราเซเนกาตกลงมากกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่หุ้นของโมเดอร์นา ก็ร่วงลงกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหุ้นของบริษัทแอสทราเซเนกา ฟาร์มา อินเดีย ซึ่งเป็นสาขาในประเทศอินเดียวร่วงลงมากกว่า 12 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ วัคซีน เอแซดดี 1222 กำลังอยู่ระหว่างการทดลองในสหรัฐ, อังกฤษ, บราซิล และ แอฟริกาใต้ นอกจากนั้นยังมีแผนจะทดลองใน ญี่ปุ่นและรัสเซีย โดยตั้งเป้าจะหาอาสาสมัครในการทดลองระยะสุดท้ายทั่วโลกให้ได้มากถึง 50,000 คน
ทางการเกาหลีใต้แถลงในวันเดียวกันนี้ว่าจะตรวจสอบการระงับการทดลองครั้งและทบทวนแผนความร่วมมือกับบริษัทเพื่อรับผลิตวัคซีนตัวนี้พร้อมกันไปด้วย แต่ นาย ยุน แต โฮ รัฐมนตรีสาธารณสุขระบุว่า กรณีแบบเดียวกันนี้ไม่ได้เป็นกรณีแปลกประหลาดแต่อย่างใด
รายงานกรณีนี้ยังส่งผลต่อการทดลองของผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการทดลองระยะสุดท้ายหลายบริษัท โดยอย่างน้อยที่สุดสั่งให้ผู้รับผิดชอบการทดลองมองหาอาการแบบเดียวกันด้วยว่าเกิดขึ้นกับวัคซีนของตนหรือไม่ โดยทางโมเดอร์นา แถลงในเวลาต่อมาว่า เบื้องต้นบริษัทยังไม่พบว่ากรณีนี้มีผลกระทบใดๆกับการทดลองวัคซีนของบริษัทในเวลานี้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 กันยายน โมเดอร์นา, แอสทราเซเนกา, ไฟเซอร์, จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน, เมิร์คแอนด์โค., แกล็กโซสมิธไคลน์, โนวาแรกซ์, ซาโนฟี และ ไบโอเอ็นเทค ร่วมลงนามในความตกลงที่จะยึดถือมาตรฐานด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย เป็นหลักการสำคัญสูงสุด โดยไม่เร่งรีบพัฒนาเพื่อรองรับความเร่งด่วนในการรับมือกับการแพร่ระบาดแต่อย่างใด