แคนซิโน บ.วัคซีนจีน ยันยึดหลักวิทยาศาสตร์พัฒนาวัคซีน โควิด-19

REUTERS/Thomas Peter

รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 9 กันยายนนี้ว่า นาย จู เถา ประธานเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ (ซีเอสโอ) ของบริษัท แคนซิโน ไบโอโลจิคส์ ผู้พัฒนาวัคซีน เอดี5-เอ็นโคฟ สำหรับป้องกันโควิด-19 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการทดลองในคนระยะสุดท้าย แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรรมวิธีในการพัฒนาวัคซีนของบริษัทโดยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก ออกมาตอบโต้ข้อครหา โดยระบุว่า วัคซีนเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการตามแนวทางของวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่หลับหูหลับตาทำไปตามคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้เชี่ยวชาญ

นายจู ระบุว่า มีตัวอย่างมากมายที่วัคซีนซึ่งใช้เทคโนโลยีในการสร้างและพัฒนาที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญกังขา แต่กลับได้รับความเห็นชอบให้ใช้งานเป็นการทั่วไปได้ หลังจากสามารถผ่านการพิสูจน์ว่าได้ผลและปลอดภัย

เอดี5-เอ็นโคฟ ซึ่งแคนซิโนพัฒนาขึ้น ใช้เทคโนโลยีในการนำเอาไวรัสที่ก่อไข้หวัดในคนมาเป็นฐานในการสร้างวัคซีน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญนอกบริษัท เกรงว่า แอนติบอดีที่ร่างกายผลิตขึ้นเพื่อต่อต้านไข้หวัดทั่วไป อาจสร้างความสับสนกับการสร้างแอนติบอดีเพื่อยับยั้งการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 และทำให้ผลการทดลองวัคซีนบิดเบือนไปจากความเป็นจริง

อย่างไรก็ตามนายจูระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า แอนติบอดีที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านโรคหวัดจะส่งผลกระทบทางลบต่อขีดความสามารถในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีเพื่อยับยั้งโควิด-19 แต่อย่างใด โดยยกตัวอย่างผลการทดลองฉีดวัคซีนนี้ให้กับกลุ่มทดลอง 128 คน ในการทดลองระยะกลางที่ผ่านมา ก่อนที่วัคซีนแคนซิโนจะได้รับอนุมัติให้ทดลองในคนระยะสุดท้ายพร้อมกับที่ได้รับอนุมัติจากทางการจีนให้นำไปฉีดให้กับทหารในกองทัพจีนพร้อมกันไปด้วย

Advertisement

นายจู เถา ชี้ว่า ความแตกต่างในกระบวนการทดลองทำให้ไม่สามารถนำเอาแอนติบอดีที่วัคซีนแต่ละตัวสร้างขึ้นมาเปรียบเทียบกันได้ในเวลานี้ และกรณีที่เกิดขึ้นกับวัคซีนของแอสทราเซเนกา ก็ไม่ได้หมายความว่า วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีพื้นฐานเดียวกัน จะเกิดความเสี่ยงแบบเดียวกันแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image