ไนกี้เจอกระแสตีกลับในญี่ปุ่น หลังปล่อยโฆษณาสะท้อนการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ไนกี้ บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กีฬาสัญชาติอเมริกัน เจอกระแสตีกลับในประเทศญี่ปุ่น หลังจากปล่อยโฆษณาที่สะท้อนถึงประเด็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในญี่ปุ่น
วิดีโอโฆษณาดังกล่าวของไนกี้แสดงให้เห็นประสบการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้นจริงของนักฟุตบอลเยาวชนลูกครึ่ง 3 คน คลิปวิดีโอนี้มียอดผู้ชมทางโซเชียลมีเดียแล้วราว 25 ล้านคน และมียอดแชร์เกือบ 80,000 ครั้ง แต่คลิปโฆษณานี้จุดกระแสถกเถียงอย่างร้อนแรงในญี่ปุ่นที่ไม่คุ้นชินกับการพูดถึงอย่างเปิดเผยในประเด็นอ่อนไหวต่างๆ เช่น เรื่องเชื้อชาติ ซึ่งบางคนตั้งคำถามว่าเป็นการสมควรหรือไม่ที่แบรนด์สินค้าต่างชาติจะก้าวล่วงล้ำเส้นเข้ามาเช่นนี้
อย่างไรก็ดี ไนกี้ เจแปน ชี้ว่า โฆษณาตัวนี้แสดงให้เห็นว่าผู้คนเอาชนะการต่อสู้และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันอย่างไรเพื่อที่จะก้าวต่อไปในอนาคตข้างหน้าผ่านกีฬา
แต่เสียงวิจารณ์บางความเห็นในโลกโซเชียลชี้ว่า ไนกี้ขยายความเกินจริงเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ โดยโต้แย้งว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมในการที่จะมาตัดสินญี่ปุ่น ขณะที่ยังมีเสียงขู่จะบอยคอตต์สินค้าของไนกี้ด้วย
“ราวกับว่าพวกเขาพยายามที่จะบอกว่าการเลือกปฏิบัติเช่นนี้มีอยู่ทุกหนแห่งในญี่ปุ่น” โพสต์จากความเห็นหนึ่ง
อย่างไรก็ตามยังมีความคิดเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับโฆษณาชิ้นนี้ของไน้กี้ ที่ใช้ชื่อว่า “The Future Isn’t Waiting” เช่นความเห็นของนายมอร์ลีย์ โรเบิร์ตสัน ผู้สื่อข่าวลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน ระบุว่า ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ชอบให้เสียงจากภายนอกมาบอกให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงวิถีของตัวเอง แต่หากชาวต่างชาติพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความเข้าใจวัฒนธรรมหรือกฎของคนญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง ก็จะมีคนญี่ปุ่นที่ยอมรับและจะชื่นชม
ไนกี้ ไม่ได้เป็นแบรนด์สินค้าตะวันตกเจ้าเดียวที่ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากความเข้าไม่ใจวิถีวัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคชาวเอเชีย
ปีที่แล้ว ดิออร์ สินค้าแบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศส ก็ถูกโจมตีหนักจากการใช้แผนที่จีน ที่ไม่มีไต้หวัน ซึ่งจีนถือเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนเอง รวมอยู่ด้วย ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชาวจีนเป็นอย่างมาก
