เหตุจลาจลในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ที่เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงชายผิวสีเสียชีวิต ยังคงความรุนแรงอย่างต่อเนื่องในคืนวันที่ 14 สิงหาคมต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 15 สิงหาคม โดยรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ากลุ่มผู้ประท้วงโยนก้อนหินเข้าใส่เจ้าหน้าที่และมีการยิงปืนหลายนัด ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง 1 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับผู้ประท้วงเอาไว้ได้ 17 คน
เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นจนส่งผลให้นายสก็อต วอล์กเกอร์ ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซิน ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวันเดียวกันนั้น เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงนาย ซิลวิลล์ สมิธ ชายผิวสีวัย 23 ปีเสียชีวิต โดยมีกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งยกระดับความรุนแรงด้วยการเผาร้านค้าที่รวมไปถึงปั๊มน้ำมันได้รับความเสียหาย
รายงานระบุว่านับตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 14 สิงหาคม กลุ่มผู้ประท้วงได้บุกล้อมสถานีตำรวจเมืองมิลวอกี ปิดถนนหลายสาย ขณะที่มีผู้ถูกยิง 1 รายโดยเจ้าหน้าที่สามารถใช้รถหุ้มเกราะเข้าช่วยเหลือและนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที
อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าของวันที่ 14 สิงหาคมมีกลุ่มประชาชนรวมตัวกันจุดเทียน ไว้อาลัยให้กับสมิธบริเวณที่เกิดเหตุในเขตที่พักอาศัยตอนเหนือของเมืองมิลวอกี ก่อนที่ผู้ประท้วงบางส่วนจะตะโกน “พร้อมทำสงคราม” ตามด้วยการตะโกน “สันติ สันติ สันติ” ด้านเชอร์เรลล์ สมิธ น้องสาวของผู้เสียชีวิตประณามผู้ก่อความวุ่นวายโดยอ้างชื่อสมิธ พร้อมเรียกร้องไม่ให้นำความวุ่นวายมาสู่เมืองมิลวอกี ขณะที่มีนักเคลื่อนไหวบางส่วนที่รวมตัวกันเรียกร้องความสงบด้วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า เหตุเริ่มต้นขึ้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายเรียกตรวจรถยนต์ของสมิธและชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ในรถ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ก่อนที่ทั้งสองจะทิ้งรถวิ่งหนีไป ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งตามไปและตัดสินใจยิงสมิธจนเสียชีวิต หลังจากที่สมิธไม่วางปืนลงตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ถ่ายด้วยกล้องที่ติดหน้าอกของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวซึ่งรายงานระบุว่าเป็นคนผิวสีเช่นกัน
