ผลชันสูตรชี้แอร์สาวฟิลิปปินส์เสียชีวิตเพราะโรคหลอดเลือด ครอบครัวไม่เชื่อ ขอชันสูตรซ้ำ
จากรายงานข่าวกรณี คริสตีน ดาเซรา พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ส ถูกพบเป็นศพในโรงแรมหรูชานกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ หลังร่วมปาร์ตี้งานปีใหม่ โดยตำรวจคาดว่าอาจถูกรุมข่มขืน และมีการตั้งข้อหากับชาย 11 คนด้วยกันนั้น
คลิกอ่าน พบศพ แอร์สายการบินฟิลิปปินส์ ดับในอ่างอาบน้ำรร. ตร.คาดถูกรุมขืนใจ
ล่าสุดซีเอ็นเอ็นฟิลิปปินส์ รายงานเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ว่าครอบครัวของ คริสตีน ดาเซรา ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการชันสูตรศพของดาเซรา ซ้ำอีกครั้ง หลังจากผลการชันสูตรของหน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ของทางการฟิลิปปินส์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจาก โรคหลอดเลือดแดงโป่งพอง
โดยทนายความของครอบครัว ดาเซรา กล่าวว่าผลชันสูตรไม่ได้ระบุถึงรอยช้ำบนร่างกายที่พบบนศพของเหยื่อ ดังนั้นครอบครัวจึงตัดสินใจให้มีการชันสูตรศพซ้ำจากหน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ที่เป็นอิสระ
ขณะที่ บริค เรเยส โฆษกของครอบครัวดาเซรา เปิดเผยว่า ผลการชันสูตรศพครั้งนี้จะมีการเปิดเผยภายในวันที่ 6 มกราคม
อย่างไรก็ตาม ซีเอ็นเอ็นฟิลิปปินส์ ระบุว่า ได้รับสำเนาเอกสารชันสูตรศพของดาเซรา และพบว่า มีการระบุถึงรอยฟกช้ำและรอยถลอกหลายแห่ง และระบุสาเหตุการเสียชีวิตเอาไว้ว่าเกิดจาก “หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองที่แตกออก”
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลิปปินส์ ระบุถึงการพบร่องรอยของอสุจิในร่างกายของดาเซรา แต่เรื่องนี้ไม่ได้ระบุเอาไว้ในรายงานการชันสูตร แต่มีการพูดถึงรอยแผลถลอกและการฉีกขาดที่อวัยวะเพศที่สมานตัวเรียบร้อยแล้ว
ด้านเรเยส ระบุว่า รอยฟกช้ำที่แขนขา และศพของดาเซราจะเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ามีการข่มขืนเกิดขึ้น โดยเรเยส ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการจัดฉากสถานที่เกิดเหตุเนื่องจากผู้จัดการโรงแรมเป็นเพื่อนของหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าจะก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ทนายความของครอบครัวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทั้งนี้คริสตีน ดาเซรา ถูกพบเป็นศพในอ่างอาบน้ำของโรงแรมซิตีการ์เดน ในเมืองมากาตี ชานกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากคืนก่อนหน้า ดาเซราร่วมปาร์ตี้ฉลองปีใหม่กับเพื่อนที่โรงแรมดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาชาย 11 คน ในจำนวนนี้ 3 คนเป็นเพื่อนของดาเซรา ล่าสุดมีผู้ถูกจับกุมแล้ว 3 คน ขณะที่อีก 8 คนยังไม่พบตัว
คดีดังกล่าวส่งผลให้เกิดความโกรธแค้นขึ้นในโลกออนไลน์ฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ที่ออกมาเรียกร้องให้นำตัวคนกระทำผิดมาลงโทษและประณามวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับการข่มขืนในประเทศ
