จ่อฟ้องอาญาทรัมป์-เล็งอภัยโทษตัวเอง

Reuters

จ่อฟ้องอาญาทรัมป์-เล็งอภัยโทษตัวเอง

สำนักข่าวเอพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มกราคม นาย ไมเคิล เชอร์วิน รักษาการรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่า ผู้ที่บุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ทำลายและปล้นสะดมข้าวของจากภายในห้องสำนักงานต่างๆ ภายในอาคารจะถูกดำเนินคดีในข้อหา ตั้งแต่ ก่อจลาจล, ก่อกบฏ (ตามมาตรา 18) ซึ่งมีโทษทั้งปรับและจำ ระวางโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และ ปลุกปั่นยุยงให้มีการกบฏและใช้กำลังเพื่อยับยั้งหรือชะลอการบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีโทษทั้งปรับและจำ ระวางโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี

นายเชอร์วิน ย้ำว่าจะดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยทุกรายใดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสำนักงานตำรวจรัฐสภาซึ่งอาจสมรู้ร่วมคิดกับผู้ประท้วง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งปราศรัยยุยงต่อกลุ่มผู้ประท้วงก่อนเกิดเหตุ

ทั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมโดยจนถึงขณะที่สำนักงานตำรวจรัฐสภาได้จับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ 14 ราย ในขณะที่สำนักงานตำรวจนครหลวงจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้อย่างน้อย 68 รายรวมแล้วเป็น 82 รายแล้ว ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานสอบสวนกลาง(เอฟบีไอ) กำลังตรวจสอบและสอบสวนหาที่มาของระเบิดไปป์บอมบ์ 2 ลูกในที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้ นายสตีเฟน ซันด์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจรัฐสภา และนาย ไมเคิล สเตนเกอร์ หัวหน้าสำนักงานตำรวจประจำวุฒิสภา ประกาศลาออกจากตำแหน่งท่ามกลางแรงกดดันจากบรรดาแกนนำส.ส.และส.ว.อเมริกันจำนวนมาก โดยที่ทางรัฐสภาเตรียมเริ่มต้นกระบวนการสอบข้อเท็จจริงเพื่อทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภาในกรณีนี้อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะกรณีที่มีหลายฝ่ายเห็นว่า มีการเลือกปฏิบัติกับม็อบผิวขาวในกรณีนี้และ ไม่มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์นี้ ทั้งยังมีการปฏิเสธข้อเสนอให้ความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรมและกลาโหมอีกด้วย

Advertisement

วันเดียวกัน นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต และนายชัค ชูเมอร์ แกนนำของพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ออกมาเรียกร้องต่อ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี ให้ริเริ่มดำเนินการตามรัฐบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 25 ซึ่งกำหนดให้ใช้เสียงส่วนใหญ่ของคณะรัฐมนตรีลงมติว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งแล้ว เพื่อเสนอให้รัฐสภาใช้มติ 2 ใน 3 ถอดถอนออกจากตำแหน่งทันที โดยที่นายเพนซ์จะรักษาการในตำแหน่งประธานาธิบดีไปจนกว่าจะสิ้นสุดพิธีสาบานตนของนายโจ ไบเดน ผู้ชนะการเลือกตั้งของพรรคเดโมแครต อย่างไรก็ตามหากนายเพนซ์ ไม่ดำเนินการ ทางสภาผู้แทนราษฎรก็จะเริ่มกระบวนการอิมพีชเมนต์ต่อทรัมป์ต่อไป

ในขณะเดียวกันบรรดาผู้คนในแวดวงใกล้ชิดของทรัมป์ก็ทะยอยลาออกเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นาง เอลเลน เชา รัฐมนตรีคมนาคม และ นางเบตซี เดวอส รัฐมนตรีกระทรงศึกษาธิการก็ประกาศลาออกเมื่อวันที่ 7 มกราคม ตามหลัง นาย แมทท์ พอททิงเกอร์ ผู้ช่วยที่ปรึกษาความมั่นคงฝ่ายกิจการจีน และนายไรอัน ทุลลี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกิจการยุโรปและรัสเซีย ที่ลาออกทันหลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา

แหล่งข่าวภายในทำเนียบขาวของรอยเตอร์ ยืนยันตรงกันกับรายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์ ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวถึงและพิจารณาหาช่องทางทางกฎหมายเพื่อใช้อำนาจประธานาธิบดีให้อภัยโทษต่อตัวเองมาตลอดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่ามีการพูดถึงกรณีนี้หลังเกิดเหตุบุกรุกอาคารรัฐสภาหรือไม่ก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image