สุนทรพจน์แรก เริ่มยุคสมัย‘โจ ไบเดน’

สุนทรพจน์แรก เริ่มยุคสมัย‘โจ ไบเดน’
U.S. President Joe Biden signs executive orders in the Oval Office of the White House in Washington, after his inauguration as the 46th President of the United States, U.S., January 20, 2021. REUTERS/Tom Brenner

สุนทรพจน์แรก
เริ่มยุคสมัย‘โจ ไบเดน’

หมายเหตุ – ต่อไปนี้คือบางส่วนของคำแปลสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนของนาย โจ ไบเดน เพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 แห่งสหรัฐอเมริกา ณ อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 20 มกราคม ในประเด็นหลักๆ ซึ่งแม้บริบทจะเป็นไปภายใต้กรอบสังคมอเมริกันในเวลานี้ แต่หลักการและแนวคิดทั้งหมด สามารถนำมาปรับใช้ประโยชน์ได้ในทุกสถานการณ์ขัดแย้ง แตกแยกของทุกสังคม “มติชน” จึงขอนำมาเสนอไว้ในที่นี้

“ขอให้ฟังข้าพเจ้าให้ชัดเจน
การไม่เห็นด้วย
ไม่จำเป็นต้องเป็นการแตกแยก”

ว่าด้วยประชาธิปไตย

Advertisement

ท่านประธานศาลฎีกา (จอห์น) โรเบิร์ตส์, ท่านรองประธานาธิบดี (คามาลา) แฮร์ริส, ท่านประธานรัฐสภา (แนนซี) เพโลซี, ท่านผู้นำเสียงข้างมาก (ชัค) ชูเมอร์, ท่านผู้นำเสียงข้างมาก (มิทช์) แมคคอนเนล, ท่านรองประธานาธิบดี (ไมค์) เพนซ์, แขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย และเพื่อนอเมริกันของข้าพเจ้าทุกคน
วันนี้คือวันแห่งอเมริกันทั้งปวง
วันนี้คือวันแห่งประชาธิปไตย
วันที่เป็นประวัติศาสตร์และความหวัง
ของการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งอย่างมุ่งมั่น
สหรัฐอเมริกา ที่ผ่านบททดสอบทรหดมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ถูกทดสอบใหม่อีกครั้ง และได้หยัดยืนขึ้นตอบรับความท้าทายนั้น
วันนี้ เราเฉลิมฉลองชัยชนะ ไม่ใช่ชัยชนะของผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้หนึ่ง แต่แน่นอน เป็นชัยชนะของครรลองประชาธิปไตยต่างหาก
เจตนารมณ์ของประชาชนได้รับการรับฟัง ปรารถนาของประชาชนได้รับการปฏิบัติตาม
เราได้เรียนรู้ร่วมกันอีกครั้งว่า ประชาธิปไตยนั้น ทรงคุณค่ายิ่ง
ประชาธิปไตยเปราะบางยิ่ง
และในนาทีนี้ เพื่อนๆ ทั้งหลาย ประชาธิปไตยได้ชัยชนะแล้ว
ดังนั้น ณ เวลานี้ เหนือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ ที่ซึ่งเพียงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ถูกความรุนแรงจ้องสั่นคลอนอาคารรัฐสภาแห่งนี้ลึกลงไปถึงฐานราก เราเข้ามารวมกันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งในฐานะชาติหนึ่ง ภายใต้พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน ปลอดจากการแบ่งแยก เพื่อดำเนินกระบวนการถ่ายโอนอำนาจโดยสันติสืบไปดุจเดียวกับที่เราเคยทำมามากกว่า 2 ศตวรรษ
เรามองไปข้างหน้าด้วยวิถีของอเมริกันที่เป็นเอกลักษณ์ หาญกล้า ไม่หยุดหย่อน เปี่ยมด้วยความคาดหวังที่ดี และตั้งเป้าหมายของชาติเราไว้ในตำแหน่งที่เราเป็นและต้องเป็น

โควิดและ‘หน้าหนาวที่มืดมน’

มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นในประวัติศาสตร์ของชาติที่ต้องตกอยู่ในสภาพที่ถูกท้าทาย และยุ่งยากมากกว่าที่เราเผชิญอยู่ในเวลานี้
ไวรัสร้ายแรงในรอบร้อยปีคุกคามทั้งประเทศเราอย่างเงียบกริบ
เพียงชั่วเวลาปีเดียวได้คร่าชีวิตไปมากมายเทียบเท่ากับความสูญเสียที่อเมริกามีตลอดทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2
ตำแหน่งงานนับล้านตำแหน่งสูญเสียไป
กิจการธุรกิจอีกนับร้อยนับพันต้องปิดตัวลง
ภารกิจที่รออยู่เบื้องหน้านั้น ทำให้เราจำต้องต้องการซึ่งกันและกัน เราต้องการความเข้มแข็งประดามี เพื่อพิทักษ์รักษาทุกอย่างให้ผ่านพ้นหน้าหนาวที่มืดมนนี้ไปให้ได้
เรากำลังย่างเข้าสู่สภาวะ ซึ่งอาจเป็นห้วงเวลาที่ยุ่งยากที่สุด และเป็นตายมากที่สุดของการแพร่ระบาด เราจำเป็นต้องยกเอาการเมืองออกไปวางไว้ด้านข้าง และหันมาเผชิญหน้ากับการระบาดใหญ่หนนี้อย่างพร้อมเพรียงในฐานะชาติเดียวกัน

Advertisement

ความเป็นธรรมทางชาติพันธุ์

เสียงร่ำร้องเรียกหายุติธรรมทางชาติพันธุ์ที่ดำเนินมาไม่น้อยกว่า 400 ปีผลักดันให้เราเคลื่อนไปข้างหน้า ความฝันถึงวันที่แห่งความเป็นธรรมของทุกชาติพันธุ์ไม่อาจชะลอช้าอีกต่อไป
เราสามารถรังสรรค์ยุติธรรมทางชาติพันธุ์ขึ้นได้ และเราสามารถทำให้อเมริกากลายเป็นพลังแห่งความดีงามของโลกได้อีกคำรบ
ข้าพเจ้าตระหนักดีว่าพลังที่สร้างความแตกแยกแบ่งฝักฝ่ายให้กับเรานั้นลึกซึ้งยิ่ง และเป็นจริงอย่างยิ่ง แต่ข้าพเจ้ารู้เช่นกันว่านั่นไม่ใช่พลังใหม่แต่อย่างใดทั้งสิ้น
ประวัติศาสตร์ของเราที่ผ่านเต็มไปด้วยการดิ้นรนไม่มีสิ้นสุดระหว่างอเมริกันในอุดมคติ ที่ซึ่งเราทั้งผองถูกรังสรรค์ขึ้นไว้ให้เสมอภาคกัน กับความเป็นจริงที่น่าเกลียด หยาบกระด้างของ การรังเกียจชาติพันธุ์, ลัทธิภูมิภาวะ, ความหวั่นกลัว, การยัดเยียดความเป็นปีศาจให้กันและกัน ซึ่งฉีกกระชากพวกเราออกจากกันมาช้านาน
การต่อสู้ซึ่งคงอยู่ยาวนาน ไม่เคยมีการรับประกันถึงชัยชนะ สงครามกลางเมือง, ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่, สงครามโลก, 9/11 เราผ่านทุกเหตุการณ์นั้นมา แม้ต้องดิ้นรนต่อสู้ ต้องเสียสละ ต้องประสบกับการถดถอยอยู่บ้าง แต่ “เทพีแห่งความดี” ย่อมได้ชัยชนะเสมอมา
ในแต่ละเหตุการณ์เหล่านี้ มีพวกเรามากเพียงพอรวมตัวกันเข้า โอบอุ้มพวกเราทั้งหมดก้าวไปข้างหน้า และเราสามารถทำดุจเดียวกันได้ในเวลานี้
เราสามารถมองหน้าซึ่งกันและกันได้ ไม่ใช่ในฐานะฝ่ายตรงข้ามหากแต่เป็นเพื่อนบ้าน เราสามารถปฏิบัติต่อกันและกันด้วยเกียรติและความเคารพ
เราสามารถรวมพลังกัน ยุติการตะคอกใส่กันและกัน ลดอุณหภูมิลง เนื่องจากหากปราศจากความเป็นเอกภาพ ก็จักปราศจากสันติ มีเพียงความขมขื่นและเกรี้ยวกราด ไร้ความก้าวหน้า มีเพียงโมโหโกรธาที่เหน็ดเหนื่อยยิ่ง
ในห้วงแห่งวิกฤตและท้าทายครั้งประวัติศาสตร์ของเรานี้ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่านั้นคือหนทางที่จะนำพาให้เรารุดหน้าไปได้ และเราต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ในฐานะสหรัฐอเมริกาที่เป็นหนึ่ง
หากเราทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอรับประกันว่า เราจะไม่มีวันล้มเหลว
ไม่เคยมี และจะไม่มีวันล้มเหลวในอเมริกาเมื่อเราทุกคนลงมือทำร่วมกัน
ดังนั้น ในวันนี้ ณ เวลานี้ และที่สถานที่แห่งนี้ ขอผองเราทุกคนร่วมกันเริ่มต้นใหม่ ขอให้รับฟังซึ่งกันและกัน ได้ยินซึ่งกันและกัน เข้าใจซึ่งกันและกัน
แสดงความเคารพซึ่งกันและกัน

ประธานาธิบดีของอเมริกันทุกคน

การเมืองไม่จำเป็นต้องเร่าร้อนดุจเพลิงเผาผลาญทุกอย่างตามรายทางไปทั้งหมด
ความเห็นที่ไม่ลงรอยกันทุกๆ อย่าง ไม่จำเป็นต้องเป็นเหตุแห่งสงครามเอาเป็นเอาตายกันทุกครั้งไป และเราต้องปฏิเสธวัฒนธรรมซึ่ง ข้อเท็จจริง ถูกนำมาบิดเบือน หรือประดิษฐ์ปลอมขึ้น
เพื่อนร่วมชาติอเมริกันทั้งหลาย เราต้องแตกต่างไปจากนั้น อเมริกันจำเป็นต้องดีกว่านั้น และข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า อเมริกา ดีกว่าสิ่งนั้นมากมายนัก
แค่มองไปรอบๆ ณ ที่ซึ่งเรายืนกันอยู่นี้ ใต้ร่มเงาของรัฐสภา ซึ่งเพิ่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ในท่ามกลางสงครามกลางเมือง เมื่อชาติทั้งชาติตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง
เราผ่านมาได้ และเราได้ชัยชนะ
และตรงที่เรายืนอยู่นี้ หลังการจลาจลของบรรดาม็อบที่คิดเอาว่า พวกเขาสามารถใช้ความรุนแรงเพื่อปิดปาก ยับยั้งเจตนารมณ์ของประชาชน ยุติกระบวนการประชาธิปไตย และผลักดันเราออกไปจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้
สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น และจะไม่มีวันเกิดขึ้น ไม่ใช่ในวันนี้ พรุ่งนี้ ไม่ใช่ตลอดไป
สำหรับทุกคน ไม่ว่าใครก็ตามที่สนับสนุนการรณรงค์หาเสียของเรา ศรัทธาที่พวกท่านมีต่อเรา ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งอย่างยิ่ง
ส่วนทุกคน ไม่ว่าใครก็ตาม ที่ไม่ได้สนับสนุนเรา ขอกล่าวต่อพวกท่านดังนี้ ขอจงรับฟังข้าพเจ้าเมื่อเราก้าวไปข้างหน้า ตรวจสอบกันอย่างถี่ถ้วนทั้งตัวข้าพเจ้า และหัวใจข้าพเจ้า หากยังไม่เห็นด้วย ก็ไม่เป็นไร
นั่นคือประชาธิปไตย นั่นคืออเมริกา คือสิทธิที่จะเห็นต่างอย่างสันติ ภายใต้กรอบกำหนดของสาธารณรัฐ นั่นบางทีอาจเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของชาติเรา
ขอให้ฟังข้าพเจ้าให้ชัดเจน การไม่เห็นด้วยไม่จำเป็นต้องเป็นการแตกแยก
และข้าพเจ้าขอรับปากเอาไว้ในที่นี้ว่า ข้าพเจ้าจะเป็นประธานาธิบดีของอเมริกันทุกคน

สัจจะและความเท็จ

อะไรคือวัตถุประสงค์ร่วมที่พวกเราทุกคนรักและเป็นตัวบ่งชี้ความเป็นอเมริกัน? ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้ารู้ โอกาส, ความมั่นคง, เสรีภาพ, ความมีเกียรติ, ความเคารพ, การให้เกียรติ และใช่แล้ว ความสัตย์จริง
ในหลายสัปดาห์ หลายเดือนที่ผ่านมา เราได้รับบทเรียนแสนเจ็บปวด บทเรียนที่ว่า มีทั้งที่เป็นความจริงและความเท็จ
ความเท็จถูกบอกเล่าออกมาเพื่ออำนาจและผลกำไร
พวกเราแต่ละคนมีหน้าที่ และความรับผิดชอบในการปกป้องสัจจะความเป็นจริง และทำลายความเท็จ ทั้งในฐานะพลเมือง ในฐานะอเมริกัน และในฐานะผู้นำ ผู้นำซึ่งได้ให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญและปกป้องประเทศของเรา
เราต้องยุติศึกที่ไม่ศิวิไลซ์ที่ผลักดันให้สีแดงต่อสู้กับสีน้ำเงิน, ผู้คนในชนบทปะทะกันผู้คนในเมือง, อนุรักษนิยมต่อสู้กับเสรีนิยมนี้ลง
เราสามารถทำสิ่งนี้ได้หากเราเปิดใจ เปิดจิตวิญญาณของเราให้กว้างขึ้นแทนที่จะปิดตายจนใจแข็งกร้าว
เราสามารถทำได้ เพียงแค่แสดงออกถึงขันติ และความมีมนุษยธรรม เต็มใจที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเราแม้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม
เพราะนี่คือสิ่งหนึ่งที่เป็นจริงของชีวิต นั่นคือ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าวันข้างหน้าเราจะเผชิญหน้ากับสิ่งใด วันนี้เราอาจต้องการความช่วยเหลือ คงมีวันข้างหน้าที่เราอาจถูกร้องขอความช่วยเหลือนั้น นี่คือสิ่งที่เราจำต้องให้ซึ่งกันและกัน
และหากเราอยู่ในวิถีนี้ ประเทศของเราจะยิ่งเข้มแข็งขึ้น รุ่งเรืองขึ้น และพร้อมมากขึ้นในการรับมือกับอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image