รมต.ต่างประเทศ เปรู ลาออก หลังถูกจับได้ฉีดวัคซีนโควิดก่อนประชาชน
เอลิวาเบธ แอสเตเต้ รัฐมนตรีต่างประเทศเปรู ประกาศเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ตนได้ยื่นขอลาออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว หลังจากมีการเปิดเผยว่า แอสเตเต้ รับการฉีควัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยไม่ได้ร่วมการทดลองเชิงคลินิค และฉีดก่อนที่ประชาชนในประเทศจะได้เริ่มต้นฉีควัคซีน
รายงานระบุว่า แอสเตเต้ ฉีดวัคซีนของบริษัทไซโนฟาร์ม ไปแล้ว 1 โดส ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม ก่อนหน้าโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่เริ่มต้นในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
การลาออกของรัฐมนตรีต่างประเทศเปรู มีขึ้นหลัง รัฐมนตรีสาธารณสุขเปรู ประกาศลาออกไปก่อนหน้านี้ จากกรณีอื้อฉาว อดีตประธานาธิบดีที่ถูกสภาถอดถอนออกจากตำแหน่งก็ได้รับการฉีดวัคซีนก่อนประชาชนเช่นกัน
แอสเตเต้ ระบุว่า ตนได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัย ที่มีส่วนในการดำเนินการทดลองเชิงคลินิค กับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไซโนฟาร์ โดยแอสเตเต้ จะได้รับการฉีควัคซีนที่เหลือจากการทดลองเชิงคลินิค
แอสเตเต้ ระบุผ่านทวิตเตอร์ด้วยว่า ตนรู้ว่าได้ทำสิ่งผิดพลาดร้ายแรง และตัดสินใจที่จะไม่รับการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 และด้วยเหตุผลดังกล่าว ตนจึงยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งกับประธานาธิบดีฟราสซิสโก ซากาสติ
ทั้งนี้เปรู ทำสัญญาซื้อวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทไซโนฟาร์ม ของจีนเป็นจำนวน 38 ล้านโดส โดย 300,000 โดสแรก ถูกส่งถึงประเทศเปรูแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยจะฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงมากที่สุดก่อนเป็นกลุ่มแรก
ขณะที่ในเปรู มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 43,491 ราย โดยเวลานี้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดในระยะที่ 2