เมียนมายังเครียด! ตร.ยิงขู่สลายม็อบ รวบนักข่าวญี่ปุ่น ผู้ชุมนุมร่วมสวดมนต์ให้ซูจี
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า สถานการณ์ในเมียนมาในวันเดียวกันนี้ยังคงมีการชุมนุมประท้วงทั้งในนครย่างกุ้ง และมัณฑเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ โดยชาวเมียนมาชุมนุมกันบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้ายอดนิยมในย่างกุ้ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจราว 50 นายพร้อมรถฉีดน้ำแรงดันสูงจะเปิดฉากรุกเข้าหาเพื่อสลายการชุมนุม มีการยิงปืนเตือนหลายนัด ก่อนใช้กระบองทุบกับโล่ รุกไล่ผู้ชุมนุมออกไปจากถนนสายหลัก มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 1 รายถูกควบคุมตัวไป
ขณะเดียวกันที่บริเวณหน้าบ้านพักของนางอองซาน ซูจี ในนครย่างกุ้ง ผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งเดินทางไปปักหลักสวดมนต์อำนวยพรให้กับนางซูจี และนาย วิน มิน อดีตประธานาธิบดีที่ถูกควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ไม่มีการชุมนุมของมวลชนกลุ่มสนับสนุนกองทัพในวันนี้แต่อย่างใด
ที่มัณฑเลย์ ประชาชนชาวเมียนมายังคงออกมาเดินขบวนประท้วง ตะโกนคำขวัญต่อต้านการรัฐประหาร โดยมีกลุ่มพระสงฆ์และแม่ชีเข้าร่วมอยู่ในการประท้วงอยู่ด้วย แต่เมื่อถึงราวเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่ก็ระดมกำลังเข้าปิดกั้นเส้นทางสู่ถนนสายหลักในย่านใจกลางเมืองเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงใช้เป็นพื้นที่ชุมนุม
รายงานข่าวจากย่างกุ้งระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. วันนี้ นายยูกิ คิมาซูมิ ผู้สื่อข่าวอิสระ ที่เคยเป็นผู้สื่อข่าวให้กับหนังสือพิมพ์นิกเกอิและมีบริษัทผลิตเนื้อหาสื่อของตนเอง ถูกจับกุมตัวไประหว่างรายงานข่าวการชุมนุมประท้วง โดยนายลินน์ เนียน ฮตุน เพื่อนชาวเมียนมาของนายคิมาซูมิ ระบุว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นถูกทุบศีรษะด้วยกระบองขณะถูกจับกุม แต่เนื่องจากสวมหมวกนิรภัยจึงไม่ได้รับอันตราย ทางด้านเลขาณุการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงที่กรุงโตเกียวเพียงว่า กำลังพยายามหาทางยืนยันการจับกุมครั้งนี้อยู่ว่าเป็นความจริงหรือไม่
หากมีการจับกุมเกิดขึ้นจริง นายคิมาซูมิ จะกลายเป็นชาวต่างชาติรายแรกที่ถูกจับในเมียนมานับตั้งแต่มีการรัฐประหารเมื่อ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา
ด้านนาย ทอม แอนดรูว์ส ผู้จัดทำรายงานด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมาของสหประชาชาติ เปิดเผยในวันเดียวกันนี้ว่า บรรดาข้าราชการราว 2 ใน 3 ของทั้ง 24 กระทรวง ได้ร่วมกันผละงานประท้วงการยึดอำนาจครั้งนี้ และกำลังส่งผลกระทบต่อรัฐบาลทหารในเวลานี้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานจำเป็นต้องปิดให้บริการ ในขณะที่มีการไล่ออกข้าราชการทั้งในระดับล่างและระดับบริหารเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศจ่ายเงินพิเศษให้กับ แพทย์และครู ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ตาม