เปิดแล้ว! ข่าวกรองมะกันชี้ มกุฎราชกุมารซาอุฯ ไฟเขียวฆ่าคาช็อกกี ริยาดปัดทันควัน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับซาอุดีอาระเบียตกอยู่ในความอึมครึมรอบใหม่ หลังจากเมื่อวันศุกร์ (26 ก.พ.) รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เปิดเผยรายงานข่าวกรองที่ไม่ได้จัดอยู่ในชั้นความลับอีกต่อไป ชี้ว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ซาอุฯ ที่มีการเรียกขานว่า เอ็มบีเอส เป็นผู้อนุมัติแผนการสังหารนายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุฯและคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ซึ่งถูกฆ่าหั่นศพโหดภายสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สหรัฐกล่าวหามกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ซาอุฯต่อสาธารณชนว่าพัวพันกับการฆาตกรรม โดยทางการสหรัฐยังได้ประกาศคว่ำบาตรกลุ่มชนชั้นนำของซาอุฯ ซึ่งรวมถึงอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองซาอุฯ ที่มีบทบาทในเหตุลอบสังหารโหดนายคาช็อกกี ผู้มักออกมาวิพากษ์วิจารณ์คณะผู้ปกครองซาอุฯบ่อยครั้ง
ในรายงานข่าวกรองที่รัฐบาลไบเดนไม่ได้จัดให้เป็นข้อมูลในชั้นความลับของทางการอีกต่อไประบุว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่ถือเป็นผู้ปกครองซาอุฯตัวจริง ได้เห็นชอบกับแผนปฏิบัติการในนครอิสตันบูลให้จับหรือสังหารนายคาช็อกกี
รายงานข่าวกรองของสหรัฐระบุอีกว่าด้วยอิทธิพลของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน จึงมีความเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่เหตุฆาตกรรมในปี 2018 จะเกิดขึ้นโดยปราศจากการเปิดไฟเขียวของพระองค์ และการสังหารยังเป็นไปในรูปแบบของการสนับสนุนให้ใช้มาตรการรุนแรงในการปิดปากผู้เห็นต่างที่อยู่ในต่างประเทศอีกด้วย
กระทรวงการคลังสหรัฐได้ประกาศมาตรการตอบโต้ด้วยการสั่งยึดทรัพย์และให้การทำธุรกรรมกับหน่วยงานที่เรียกว่า Rapid Intervention Force หรือหน่วยแทรกแซงเร็ว ซึ่งขึ้นตรงกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน และนายอาเหม็ด อัล-อัสซีรี อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองซาอุฯ ที่มีส่วนเกี่ยวพันอย่างสำคัญ ให้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทว่าไม่ได้มีมาตรการตอบโต้ใดต่อมกุฎราชกุมารซาอุฯ
ด้านกระทรวงต่างประเทศซาอุฯ ได้ออกมาตอบโต้ทันควันว่ารัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุฯ ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดต่อการประเมินในทางลบ อันเป็นเท็จ และยอมรับไม่ได้ในรายงานข่าวกรองดังกล่าวของสหรัฐ และว่า รายงานดังกล่าวนั้นมีข้อมูลและข้อสรุปที่ไม่ถูกต้อง
