เมียนมาพร้อมถูกโดดเดี่ยว

การประท้วงในย่างกุ้ง เมียนมา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม (รอยเตอร์)

เมียนมาพร้อมถูกโดดเดี่ยว

ก่อนหน้านี้ นางคริสตีน สคราเนอร์ เบอร์เกเนอร์ ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำเมียนมา แถลงที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาว่า การปราบปรามการชุมนุมประท้วงของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเมียนมา เมื่อวันที่ 3 มีนาคมวันเดียว เป็นเหตุให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตถึง 38 ราย และทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพเมียนมาในครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็น 59 คนแล้วหลังจากทางกองทัพตัดสินใจพยายามสถาปนาอำนาจเบ็ดเสร็จขึ้นมาในประเทศให้ได้

นางสคราเนอร์ เบอร์เกเนอร์ ซึ่งกำหนดจะเข้าบรรยายสรุปต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่มีกำหนดจะประชุมเป็นการลับเพื่อพิจารณาปัญหาเมียนมาขึ้นในวันที่ 5 มีนาคมนี้ เปิดเผยว่า ได้รับคำบอกจากพลเอกโซ วิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกเมียนมา ว่าหลังผ่าน 1 ปีไปแล้วเมียนมาจะมีการเลือกตั้งใหม่ขึ้น อย่างไรก๋็ตาม ทูตพิเศษของยูเอ็นกล่าวแสดงทัศนะส่วนตัวว่า ชัดเจนว่ายุทธวิธีของรัฐบาลทหารในเวลานี้ก็คือ ต้องไต่สวน ดำเนินคดีกับบรรดาสมาชิกพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) เพื่อควบคุมตัวไว้ในเรือนจำให้นานที่สุด หลังจากนั้นก็จะประกาศให้เอ็นแอลดีเป็นพรรคนอกกฏหมาย แล้วจึงจะประกาศการเลือกตั้งหนใหม่

ทูตพิเศษของยูเอ็นเปิดเผยด้วยว่า ในการพูดคุยกับ พลเอกโซ วิน ตนได้เตือนถึงการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงว่า จะทำให้เมียนมาถูกแซงก์ชันอย่างแข็งกร้าวจากหลายประเทศ คำตอบที่ได้รับกลับก็คือ เราคุ้นเคยดีกับการแซงก์ชัน แล้วก็อยู่รอดมาได้ทุกครั้ง เมื่อเตือนต่อว่า อาจถูกโดดเดี่ยวจากทั้งโลก ทูตพิเศษของยูเอ็นระบุว่า นายพลโซ วิน ตอบว่า เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะก้าวเดินไปกับมิตรเพียงสองสามรายให้ได้

อย่างไรก็ตาม นางสคราเนอร์ เบอร์เกเนอร์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่ากองทัพเมียนมาต้องประหลาดใจมากกับการประท้วง จากคนซึ่งเป็นหนุ่มสาวที่มีชีวิตอยู่กับเสรีภาพมานานถึง 10 ปี มีโซเชียลมีเดีย มีการจัดตั้งและมุ่งมั่นเอามากๆ เพราะไม่ต้องการกลับไปอยู่ภายใต้เผด็จการอีกแล้ว

Advertisement

ทางด้านนาง มิเชล บาเชเลต ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แถลงในวันเดียวกันนี้ว่า รัฐบาลทหารของเมียนมาต้องยุติการปราบปราบผู้ประท้วงโดยสันติอย่างเลวทรามได้แล้ว

ทั้งนี้นางบาเชเลต กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 54 ราย แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจริงอาจสูงกว่านั้นมาก ในขณะที่มีผู้ถูกจับกุมไปมากกว่า 1,700 คนรวมทั้งผู้สื่อข่าว 29 ราย

“กองทัพเมียนมา ต้องยุติการฆาตกรรมและคุมขังผู้ชุมนุมประท้วงโดยทันที” ถ้อยแถลงดังกล่าวระบุ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image