ที่มา | นสพ.มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ชาคร ศิริสุวรรณสิทธิ์ [email protected] |
เผยแพร่ |
สวามิ ศิวานันดา ชาวอินเดีย วัย 120 ปียื่นขอบันทึกสถิติลงใน “กินเนสส์บุ๊กออฟเวิลด์เรคคอร์ด” ในฐานะชายที่มีอายุมากที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา แทนที่เจ้าของสถิติคนปัจจุบัน จิโรเอมอน คิมุระ คุณปู่ชาวญี่ปุ่นวัย 116 ปี 54 วันที่เสียชีวิตไปเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2014
ตามข้อมูลจากหนังสือเดินทาง “ศิวานันดา” นักบวชฮินดูผู้นี้เกิดในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ.1896 หากข้อมูลนี้เป็นความจริง ชายผู้นี้จะเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ใน 3 ศตวรรษด้วยกัน
เรื่องราวของศิวานันดาถูกนำเสนอผ่านสื่อท้องถิ่นของอินเดีย โดยไทม์สออฟอินเดีย ระบุว่า ศิวานันดานั้นดูอ่อนกว่าอายุจริงถึง 50 ปี แต่ก็ถือเอาข้อมูลตามเอกสารเป็นข้อเท็จจริง
ศิวานันดา ผู้อาศัยอยู่ในเมืองพาราณสี เติบโตมาในพื้นที่ยากจนและเลือกที่จะเป็นนักบวชของศาสนาฮินดู เปิดเผยถึงเคล็ดลับอายุยืนของตนว่าอยู่ที่ “การเล่นโยคะ ใช้ชีวิตอย่างมีวินัย และละเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์”
“เราใช้ชีวิตอย่างธรรมดาและมีวินัย กินอาหารธรรมดาที่ใช้วิธีการต้ม ไม่มีน้ำมันหรือเครื่องเทศ” ศิวานันดาบอกกับสำนักข่าวเอเอฟพี หลังการเล่นโยคะ เป็นเวลา 2 ชั่วโมงที่เมืองกัลกัตตา
ศิวานันดามีความสูงเพียง 158 เซนติเมตร นอนบนพื้นที่ปูเสื่อ ใช้แผ่นไม้เป็นหมอนรองศีรษะ หลีกเลี่ยงการดื่มนมและผลไม้ เนื่องจากเขาคิดว่านั่นเป็นอาหารที่ผ่านการปรุงแต่ง
ศิวานันดาระบุว่า การยื่นขอบันทึกสถิติโลกครั้งนี้เนื่องจากลูกศิษย์ลูกหาเรียกร้อง ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ยื่นขอก่อนหน้านี้เนื่องจากตนไม่ได้อยากจะเป็นที่รู้จักของสาธารณะ
ศิวานันดาเสียพ่อและแม่ไปตั้งก่อนที่จะมีอายุ 6 ขวบ ก่อนที่ญาติจะส่งศิวานันดาไปอาศัยอยู่กับผู้นำทางศาสนา บุคคลที่ศิวานันดาเดินทางติดตามไปด้วยทั่วประเทศอินเดีย ก่อนที่จะมาตั้งหลักแหล่งในเมืองพาราณสี
ปัจจุบันศิวานันดาผู้มีสุขภาพแข็งแรงโดยไม่มีอาการป่วยใดๆ รบกวน สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองและสามารถเดินทางด้วยรถไฟได้ด้วยตัวคนเดียว
ศิวานันดาผู้ที่เกิดในยุคที่อินเดียตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก ในยุคที่ยังไม่มีไฟฟ้า รถยนต์ หรือโทรศัพท์ พูดถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปมากในปัจจุบันว่า ตนไม่ได้สนใจในเทคโนโลยีเหล่านั้นเท่าไรนัก และเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง
“ในอดีตผู้คนมีความสุขกับสิ่งต่างๆ รอบตัวที่มีไม่มากเท่าทุกวันนี้ แต่ปัจจุบันผู้คนต่างไม่มีความสุข สุขภาพไม่ดี และกลายเป็นคนไม่ซื่อสัตย์มากขึ้น ซึ่งนั่นสร้างความเจ็บปวดกับเรามาก” ศิวานันดากล่าว
“เราเพียงต้องการให้ผู้คนมีความสุข แข็งแรง และมีความสงบ” ศิวานันดาทิ้งท้าย