เมียนมาลุยต้านเผด็จการทหาร ม็อบมัณฑะเลย์โดนยิงดับอีก 8 ศพ
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานสถานการณ์ในเมียนมาว่า กลุ่มผู้ประท้วงในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ได้ลุกออกมาเดินขบวนแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหารกันตั้งแต่รุ่งสางของช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ พร้อมถือป้ายข้อความร้องขอให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)ยื่นมือเข้ามาแทรกแซง หลังจากเมื่อวันก่อนกลุ่มผู้ประท้วงในเมืองมัณฑะเลย์ต้องเผชิญกับการถูกปราบปรามอย่างรุนแรงที่สุดวันหนึ่งจากกองกำลังฝ่ายความมั่นคงของเมียนมา ที่เป็นผลให้มีผู้ประท้วงถูกสังหารเสียชีวิตไปอีก 8 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 50 คน จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวในหน่วยแพทย์ โดยยังมีรายงานเสียงปืนกลถูกยิงดังขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่หนึ่งของเมืองมัณฑะเลย์จนถึงเวลาประมาณ 23.00 น.ของวันอาทิตย์ (21 มี.ค.) ในวันเดียวกันนั้นยังมีรายงานชายผู้ประท้วงรายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตและอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดฉากยิงใส่ฝูงชนที่รวมตัวกันตั้งแนวเครื่องกีดขวางในเมืองโมนยะวา
ขณะที่ในย่างกุ้ง กลุ่มผู้ประท้วงได้ออกมารวมตัวชุมนุมกันตั้งแต่เช้าตรู่ โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวยังปลุกระดมให้ชาวเมียนมาพากันขับรถออกมาเป็นขบวนไปตามท้องถนนและช่วยกันบีบแตรเพื่อแสดงการต่อต้านกองทัพอย่างไม่หวั่นกลัว โดยยังมีชาวบ้านส่วนหนึ่งช่วยกันปล่อยลูกโป่งสีแดงหลายร้อยลูก ติดป้ายเขียนข้อความเรียกร้องให้ยูเอ็นเข้ามาแทรกแซงเพื่อยุติการกระทำอันโหดร้ายของเจ้าหน้าที่รัฐในเมียนมาด้วย
ด้านสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง ซึ่งเป็นเอ็นจีโอในเมียนมาระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตรวมนับตั้งแต่เกิดการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จนถึงขณะนี้อยู่ที่อย่างน้อย 250 ศพ และยังมีผู้ที่ถูกจับกุมตัวไปอีกมากกว่า 2,500 คน
ล่าสุดยังมีความเคลื่อนไหวจากสหภาพยุโรป (อียู) ที่นายโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า อียูจะประกาศคว่ำบาตรต่อบุคคล 11 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการก่อรัฐประหารในเมียนมาและการใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วง โดยนายบอร์เรลล์เปิดเผยถึงมาตรการนี้ขณะจะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของชาติอียูที่จะหารือกันในเรื่องนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ในวันเดียวกัน ขณะที่กลุ่มอียูได้ห้ามการค้าอาวุธกับเมียนมาและมีมาตรการตอบโต้เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงในกองทัพเมียนมาหลายนายมาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว
รอยเตอร์รายงานว่า รายชื่อของบุคคลที่จะถูกอียูคว่ำบาตรคาดว่าจะเปิดเผยต่อสาธารณชนในทันทีที่รัฐมนตรีต่างประเทศอียูลงมติเห็นชอบเป็นที่เรียบร้อย คาดด้วยว่ามาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวยังจะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มธุรกิจของกองทัพ ซึ่งนักการทูตอียูชี้ว่า บริษัท เมียนมา อีโคโนมิก โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (เอ็มอีเอชแอล) และบริษัท เมียนมา อีโคโนมิก คอร์ปอเรชั่น (เอ็มอีซี) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจของทหาร น่าจะตกเป็นเป้าในการตอบโต้นี้ ที่จะห้ามนักลงทุนและสถาบันการเงินอียูทำธุรกรรมด้วย
ยังมีความเคลื่อนไหวของสิงคโปร์ หนึ่งในชาติอาเซียน ที่พยายามจะหาทางคลี่คลายวิกฤตขัดแย้งในเมียนมา โดยมีรายงานนายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ จะเดินทางเยือนประเทศบรูไน ที่เป็นประธานอาเซียนในวันที่ 22 มีนาคม หลังจากนั้นจะเดินทางต่อไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซีย เป็นความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นหลังจากอินโดนีเซียและมาเลเซียเรียกร้องให้มีการจัดประชุมระดับสูงของชาติสมาชิกอาเซียนเป็นการเร่งด่วน เพื่อหารือถึงวิกฤตปัญหาในเมียนมา
ด้านสำนักข่าวบีบีซีเวิลด์นิวส์ รายงานว่า นายอ่อง ทูรา ผู้สื่อข่าวของบีบีซี ที่ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบจับกุมตัวไปที่หน้าศาลในกรุงเนปยีดอเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ได้รับการปล่อยตัวแล้ว หนึ่งวันหลังจากที่เขาถูกจับตัวไป แต่บีบีซีเวิลด์นิวส์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม