เมียนมายังวุ่น เผา รธน.-ห้างสรรพสินค้าประท้วง รมต.อาเซียนถกจีน
เมื่อวันที่ 1 เมษายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สถานการณ์ประท้วงในเมียนมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกระดับ เมื่อยังคงมีการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองแบบไม่เกรงกลัวการปราบปรามอย่างรุนแรง ด้วยการรวมตัวกันจุดเทียนไว้อาลัยผู้เสียชีวิตในตอนกลางคืน ต่อด้วยการเดินขบวนประท้วง เผารัฐธรรมนูญที่ร่างโดยรัฐบาลทหารในตอนเช้า โดยมีทั้งที่เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ตีพิมพ์เผยแพร่ และรัฐธรรมนูญที่ผู้ประท้วงจัดทำขึ้นเอง เพื่อนำมาเผาโดยเฉพาะ ทั้งในที่ชุมนุมและที่บ้านเรือนราษฎรในหลายเมือง ตามการเรียกร้องของแกนนำในการประท้วงในเมียนมาที่เรียกการรณรงค์นี้ว่า “พิธีฉลองกองไฟรัฐธรรมนูญ”
ในขณะเดียวกันมีรายงานว่า เกิดไฟไหม้ห้างสรรพสินค้า กันดามา ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ในนครย่างกุ้ง และรูบี มาร์ท ซึ่งเป็นกิจการในเครือบริษัทธุรกิจของกองทัพทิ้งเมื่อราวตีสองคืนที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาจนถึงตอนเช้าวันเดียวกันนี้ โดยยังไม่มีรายละเอียดความเสียหายหรือสาเหตุที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
รอยเตอร์ระบุว่า มีผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมในเมืองโมนยวา โดยที่สมาคมเพื่อให้ความช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงในเมียนมาในเวลานี้มีอย่างน้อย 536 รายแล้ว
ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาแถลงเรียกร้องต่อจีนให้ใช้อิทธิพลที่มีต่อเมียนมาเพื่อให้ผู้ที่รับผิดชอบในการรัฐประหารแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน โดยเชื่อว่าจีนมีผลประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจอยู่ในเมียนมา
ในขณะที่มีสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวทางการทูตเพื่อแก้สถานการณ์ในเมียนมาเพิ่มมากขึ้น โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศของ 3 ชาติอาเซียน ประกอบด้วย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ทยอยเดินทางเข้าพบ นายหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่อด้วยการเดินทางไปพบของนาย วิเวียน พลากฤษนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา
“จีนยินดีและพร้อมสนับสนุนต่ออาเซียนที่ยังคงยึดถือต่อหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน และต่อการใช้วิถีอาเซียน ในการแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพของสถานการณ์ในเมียนมา” กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงหลังเสร็จสิ้นการหารือดังกล่าว