นักวิชาการชี้ ไทยไม่มีทางแข็งกร้าวต่อกองทัพเมียนมา แค่ใช้การทูตหลังฉาก
ทางด้านรอยเตอร์นำเสนอบทวิเคราะห์ถึงบทบาทของประเทศไทยในสถานการณ์ความรุนแรงขยายตัวในเมียนมา โดยอ้างความเห็นของนักวิชาการอย่าง นายปณิธาน วัฒนายากร นักรัฐศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ผศ.ดร. ลติตา หิงคานนท์ หาญวงษ์ ศาสตราจารย์วิชาประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนาย ปิติ ศรีแสงนาม นักวิชาการจากศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นักวิชาการทั้งสามตั้งข้อสังเกตคล้ายคลึงกันว่า แม้ในเวลานี้ไทยจะปรับท่าทีต่อเมียนมาให้แข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย แต่เชื่อว่าด้วยความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพเมียนมา และความกังวลว่าจะมีผู้ลี้ภัยหลบหนีเข้ามายังไทยเพิ่มมมากขึ้นจะทำให้ทางการไทยไม่น่าจะปรับท่าทีต่อเมียนมาให้แข็งกร้าวมากไปกว่านี้ได้แล้ว
ทั้งนี้นายปณิธานระบุว่า ไทยอยู่ในสถานะลำบาก แต่หากคิดจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดก็สามารถทำได้ เพราะไทยกลายเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของเมียนมาไปแล้วในเวลานี้
ขณะที่นางลลิตา เชื่อว่า ภราดรภาพระหว่างกองทัพด้วยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ทำให้ไม่คิดว่า ความรุนแรงที่ขยายวงในเมียนมาจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของไทยให้ต้อนรับผู้ลี้ภัยมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคิดว่า ไทยต้องการเป็นเพื่อนกับเมียนมามากกว่า
นายปิติและนางลลิตาเห็นตรงกันว่า หากมีแรงกดดันมากๆ จากนานาชาติ ไทยก็อาจทำบางสิ่งบางอย่างเล็กๆ น้อย เท่านั้น โดยไม่น่าจะใช้อิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจไปกดดันกองทัพพม่า อย่างดีที่สุดที่ไทยอาจทำได้ก็คือดำเนินการทางการทูตอยู่หลังฉากเงียบๆ พยายามกระตุ้นให้นายพลเมียนมาจำกัดความรุนแรงและหันไปเจรจากับพลเรือนแทน