แอมเนสตี้ชี้ชาติร่ำรวยผูกขาดวัคซีนโควิด
องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ชาติร่ำรวยล้มเหลวที่จะแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในโลกด้วยการกักตุนวัคซีนต้านโควิด-19
ในรายงานประจำปีของแอมเนสตี้ระบุว่า วิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขเปิดโปงให้เห็นถึงนโยบายอันล้มเหลว และมีเพียงความร่วมมือเท่านั้นที่จะเป็นทางออกสำหรับอนาคต
แอกเนส คัลลามาร์ด เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า โรคระบาดสาดแสงอันบาดตาให้เราเห็นถึงการไร้ความสามารถในโลกที่จะร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพและมีความเที่ยงธรรม
“ชาติร่ำรวยแทบจะผูกขาดห่วงโซ่อุปทานของวัคซีน ทำให้ชาติยากจนแทบจะเข้าไม่ถึงทรัพยากร และต้องเผชิญกับผลกระทบด้านสาธารณสุขรวมถึงสิทธิมนุษยชนที่เลวร้าย”คัลลามาร์ดกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้โลกเร่งกระบวนการกระจายและฉีดวัคซีน ซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐาน ซึ่งจะทดสอบความสามารถในการร่วมมือกันของชาติต่างๆ ในโลก
แอมเนสตี้ยังวิพากษ์วิจารณ์การถอนตัวจากองค์การอนามัยโลกของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ประกาศจะกลับเข้าร่วมกับองค์การอนามัยโลกใหม่แล้ว
นอกจากนี้แอมเนสตี้ยังบอกด้วยว่า วิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขที่เกิดขึ้นส่งผลให้หลายกลุ่ม อาทิ สตรี คนชรา กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้อพยพกลายเป็นกลุ่มที่ไม่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นในหลายส่วนของโลก เรากำลังอยู่ในโลกที่ไร้ระเบียบ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้แต่ผู้นำที่พยายามจะหลอกตัวเองก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่า สังคม เศรษฐกิจ และระบบการเมืองของเราล้วนแต่แตกแยก
