หิมะแรกแห่งศตวรรษบนแผ่นดินลาว

 

เมื่อคลื่นความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่เข้าปกคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดปรากฏการณ์ความหนาวที่หาได้ยากขึ้นในทางตอนบนของประเทศเวียดนาม ลาว และพม่า ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูงสลับซับซ้อน กลายเป็นฝนน้ำแข็งและหิมะสีขาวโปรยปรายต่อเนื่องหลายวันเป็นเหตุอัศจรรย์ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ได้แต่เล่าขานกันมา คนรุ่นหลังเพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรก

ธรรมดาทางตอนเหนือของเวียดนามหรือพม่านั้นก็มีหิมะตกอยู่นานๆ ครั้ง เช่น ที่ซาปาของเวียดนาม หรือที่เทือกเขาข่ากาโบราซีในรัฐคะฉิ่นของพม่า แต่ในแผ่นดินลาวนั้นบันทึกว่ามีหิมะตกครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่แล้ว ราว พ.ศ. 2492 หรือ ค.ศ.1949 ที่ยังมีเรื่องเล่ามาว่า หนาวเหน็บนักจนแม้กระทั่งวัวควายก็ล้มตาย แผ่นดินแลต้นไม้กลายเป็นน้ำแข็ง แต่คนรุ่นใหม่ไม่เคยเห็น ไม่มีภาพถ่าย ก็ได้แต่นึกว่าคนเฒ่าคนแก่พูดจาเกินจริง

เมื่อแรกวันที่ 23 มกราคม มีภาพแผ่นน้ำแข็งสีขาวปกคลุมเหนือพื้นดิน และบรรยายว่า “หิมะตกเมืองลาว” ที่เมืองเวียงไซ แขวงหัวพันนั้น แม้แต่ชาวลาวเองก็ยังนึกฉงนเป็นประหลาดใจ และสงสัยว่าจะไม่ใช่เรื่องจริง เพราะปีก่อนหน้าที่เคยมีอากาศหนาวเย็นก็เคยมีภาพคล้ายคลึงกัน แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็เป็นเพียงแค่ฝนน้ำแข็ง (Sleets) หรือน้ำค้างแข็งยอดหญ้า แต่เมื่อความหนาวยังแผ่ปกคลุมต่อเนื่อง และมีภาพถ่ายเพิ่มเติมมากขึ้น ก็เป็นข้อยืนยันว่าทางแขวงหัวพันของลาวเกิดหิมะตกจริงๆ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปีในศตวรรษใหม่นี้ ตามด้วยข่าวสัตว์เลี้ยงวัวควายเป็ดไก่ทยอยล้มตายเพราะความหนาวจัดเหมือนเรื่องเล่าที่เคยมีมาในอดีต

Advertisement

ลำพังการเห็นหิมะขาวสะอาดและต้นไม้กลายเป็นน้ำแข็งอยู่บนหน้าจอนั้นอาจดูสวยงามน่าท่องเที่ยว แต่สำหรับผู้คนและพืชสัตว์ที่ไม่เคยพบเจอสภาพอากาศเช่นนี้มาก่อน ย่อมเป็นหายนภัยธรรมชาติที่นอกจากจะหนาวเหน็บเป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้วยังทำลายทั้งพืชผัก ปศุสัตว์ ตลอดจนต้นไม้ใบหญ้าและสัตว์ป่าที่ควรจะได้จำศีลในหน้าหนาวให้ตายไปตามกัน เมื่อหมดหิมะแล้วก็คาดได้ถึงความแห้งแล้งและอดอยากที่จะตามมาเป็นระลอกในหน้าแล้งอีกไม่กี่เดือนจะมาถึง นับตั้งแต่เขตปลดปล่อยประวัติศาสตร์เมืองเวียงไซ แขวงหัวพันไล่ลงมา

นับตั้งแต่มีสื่อโซเชียลมีเดีย การกระจายข่าวและตรวจสอบข้อมูลข่าวสารใน สปป.ลาวก็รวดเร็วว่องไวมากยิ่งขึ้น เรื่องหิมะตกที่เคยเป็นเพียงแค่ตำนานหรือเรื่องหลอกลวงตัดต่อภาพก็พิสูจน์กันได้อย่างทันทีทันใด

ผู้มีจิตศรัทธาเป็นกุศลจะยกขบวนไปบริษัทผ้าห่มเสื้อกันหนาว ตลอดจนเครื่องอุปโภคบริโภคบรรเทาทุกข์เดือดร้อนของชาวบ้านก็ทำได้ทันที ในขณะที่การนำพรรครัฐของลาวยังตกอยู่ในยุค 50 ปีก่อน รายการโทรภาพของรัฐยังฉายแต่งานกองประชุมใหญ่ครั้งแล้วก็ครั้งเล่า ไม่มีผู้นำคนใด หรือหน่วยงานภาครัฐใดออกมาตอบสนองต่อภัยพิบัติของพี่น้องร่วมชาติอย่างทันท่วงที อย่าว่าแต่จะแก้ไขปัญหา เพียงจะออกมาแถลงแจ้งเตือนก็ยังยาก ทิ้งให้ประชาชนต้องติดตามข่าวสารจากประเทศเพื่อนบ้านและอินเตอร์เน็ตโซเชียลมีเดียกันเองเอาตามยถากรรม

Advertisement

หากภัยหิมะหนาวเหน็บผ่านพ้นไป ภัยแล้งอดอยากมาถึงรุนแรงอีกครั้ง แต่รัฐไม่เหลียวแลสนใจเช่นเดียวกับที่เคยเป็นเหตุความไม่พอใจของประชาชนชาวลาวในยุคราชอาณาจักรจนต้องจับอาวุธขึ้นสู้เมื่อคราวหิมะลงครั้งก่อน เสถียรภาพของรัฐบาลใหม่หลังกองประชุมใหญ่ครั้งที่ 10 ของ สปป. ลาวก็อาจสั่นคลอนง่อนแง่น ไม่ต่างจากหิมะที่หายากในรอบศตวรรษนี้ซึ่งนับวันรอละลาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image