อียูยันแอสตร้าเซนเนก้าก่อลิ่มเลือด

แฟ้มภาพ เอเอฟพี

อียูยันแอสตร้าเซนเนก้าก่อลิ่มเลือด

รอยเตอร์รายงานว่า สำนักงานการแพทย์แห่งสหภาพยุโรป (อีเอ็มเอ) แถลงอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 เมษายนนี้ว่า เป็นไปได้ที่ วัคซีนป้องกันโรคโควิด19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดมีส่วนเชื่อมโยงกับปัญหาการเกิดลิ่มเลือดในร่างของผู้ได้รับวัคซีน หลังจากได้รับรายงานทางการแพทย์ระบุว่า ในจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนดังกล่าวในพื้นที่อียู (อีอีเอ) รวม 34 ล้านโดส พบผู้ที่เกิดปัญหาลิ่มเลือดในสมอง 169 คน พบมากที่สุดในกลุ่มสตรีที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปีลงมา และพบในช่วง 2 สัปดาห์หลังจากได้รับการฉีด ทำให้สรุปได้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาลิ่มเลือดผสมกับปัญหาเกล็ดเลือดต่ำขึ้นในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าภายใน 2 สัปดาห์หลังการฉีด ซึ่งทั้งบุคลากรทางการแพทย์และผู้ได้รับวัคซีนเองควรรำลึกถึงความเป็นไปได้นี้ไว้ในการฉีดวัคซีนทุกครั้ง

อย่างไรก็ตามทางอีเอ็มเอ ยังคงยืนยันว่า ผลประโยชน์ที่ได้จากการฉีดวัคซีนตัวนี้มีมากกว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน โดยเปรียบเทียบให้เห็นว่า ผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิดเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดสูงกว่า ที่อัตราส่วน 4 คนในทุกๆ 10,000 คนเท่านั้น

นางเอเมอร์ คุก ผู้อำนวยการบริหารของอีเอ็มเอระบุด้วยว่า ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโควิด มีสูงกว่าความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีนตัวนี้อยู่มาก อย่างไรก็ตาม อีเอ็มเอและอียู ไม่สามารถตกลงกันที่จะกำหนดแนวทางปฏิบัติให้เหมือนกันในทั้ง 27 ชาติอียูและอีก 3 ชาติอีอีเอ โดยให้การกำหนดดังกล่าวอยู่ในอำนาจของสาธารณสุขของแต่ละประเทศ ทำให้เกิดแนวปฏิบัติแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศที่ส่วนหนึ่งจำกัดการใช้ในผู้ที่อายุเกินกว่า 60 ปีขึ้นไป บางประเทศอย่างเช่นอังกฤษแนะนำให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 30 ปีลงมาเท่านั้นที่ควรเลือกใช้วัคซีนตัวอื่นแทน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image