ฝ่ายต่อต้านเมียนมา จัดตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ พุ่งเป้าถอนรากถอนโคนระบอบทหาร
เมื่อวันที่ 16 เมษายน รอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมการผู้แทนสภาปยีดองซู (ซีอาร์พีเอช) ซึ่งกลุ่ม ส.ส.สังกัดพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำงานด้านการเมืองในการต่อต้านรัฐบาลทหาร ประกาศจัดตั้งรัฐบาลรักษาการขึ้นเรียกว่า รัฐบาลเพื่อความเป็นเอกภาพแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ “ถอนรากถอนโคนระบอบการปกครองของทหาร”
การจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายต่อต้านการรัฐประหารครั้งนี้มีนายมิน โก นาย อดีตแกนนำการชุมนุมประท้วงของนักศึกษาเมียนมาเมื่อปี 1988 เป็นผู้อ่านประกาศผ่านคลิปวิดีโอไลฟ์สดบนเว็บไซต์ พับลิค วอยซ์ ทีวี ที่มีความยาวราว 10 นาที เรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้การต้อน “รัฐบาลของประชาชน” และประกาศจุดยืนไว้สองสามประการ แต่ย้ำว่า เจตนารมณ์ของประชาชนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติจะต้องยึดถือ พร้อมกันนั้นก็ยอมรับว่าภารกิจที่รออยู่เบื้องหน้าไม่ได้เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่อย่างใด
“เรากำลังดำเนินความพยายามเพื่อขุดรากถอนโคนระบอบการปกครองของทหาร ดังนั้น เราจำเป็นต้องเสียสละมหาศาล” นายมิน โก นาย ระบุ
รอยเตอร์ระบุว่า รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ที่จัดตั้งขึ้น มีรายชื่อของแกนนำในการประท้วงที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้บางคนรับตำแหน่งรัฐมนตรี เช่นเดียวกับสมาชิกของกลุ่มชาติพันธุ์อีกจำนวนหนึ่งที่เคยต่อสู้กับกองทัพเมียนมามานานหลายสิบปี เน้นให้ความสำคัญต่อการสถาปนาสหพันธรัฐประชาธิปไตย ขึ้นมาแทนที่ระบอบการปกครองของทหารในเมียนมา ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างขบวนการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหาร กับกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศเรื่อยมา
นายแพทย์ ซาซา ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ยืนยันเช่นกันว่า วัตถุประสงค์เฉพาะหน้าของรัฐบาลก็คือ การยุติความรุนแรง, การฟื้นฟูประชาธิปไตยและการสร้าง “สหภาพสหพันธรัฐประชาธิปไตย” ขึ้น
รอยเตอร์รายงานด้วยว่า ในเวลาเดียวกัน ปรากฏเฟซบุ๊กของกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “กองทัพสหพันธรัฐอิรวดี” ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ประกาศรับสมัครกำลังพล และระบุว่า วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทัพขึ้นมา เพื่อต่อสู้และเอาชนะกองทัพเมียนมาในเวลานี้เพื่อฟื้นฟูรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และให้ความคุ้มครองพลเรือนจากความรุนแรงของทหารในกองทัพ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะปฏิบัติการอย่างไรต่อกองกำลังทหารในกองทัพที่ผ่านการฝึกฝนและมีประสบการณ์สู้รบมาแล้วเป็นอย่างดีนี้
