เมียนมายัง ‘ประท้วงเงียบ’ ไว้อาลัยผู้เสียชีวิต ทหารยิงดับอีก 2 ราย

Free Burma Rangers/via REUTERS

เมียนมายัง ‘ประท้วงเงียบ’ ไว้อาลัยผู้เสียชีวิต ทหารยิงดับอีก 2 ราย

รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 16 เมษายนนี้ว่า แกนนำกลุ่มผู้ประท้วงในเมียนมายังคงสามารถอาศัยสื่อโซเชียลเรียกระดมประชาชนให้ก่อหวอดประท้วงในเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านการปกครองของกองทัพเมียนมาอยู่ต่อไป โดยในวันนี้เรียกร้องให้ประชาชน “ประท้วงเงียบ” ด้วยการอยู่กับบ้าน เพื่อไว้อาลัยต่อบรรดาผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมประท้วงที่ผ่านมามากกว่า 700 ราย นับตั้งแต่ทหารเมียนมาก่อการยึดอำนาจเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่หากใครจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ก็ให้แต่งชุดดำเป็นสัญลักษณ์ไว้อาลัยในวันนี้

“เราขอใช้การประท้วงเงียบครั้งนี้เพื่อแสดงถึงความเศร้าเสียใจต่อบรรดาผู้ที่พลีชีพของตนที่ผ่านมา เสียงที่เงียบที่สุดคือเสียงที่ดังที่สุด” นายอาย ตินซา หม่อง แกนนำในการประท้วงเขียนไว้ในหน้าเฟซบุ๊กของตนในวันเดียวกันนี้ ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงเทศกาลติงยาน หรือเทศกาลขึ้นปีใหม่เมียนมาที่กำหนดให้มีต่อเนื่องกัน 5 วันจนถึงวันที่ 17 เมษายนนี้ โดยที่ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ไม่ยอมเข้าร่วมในการฉลองเทศกาลนี้เหมือนเช่นปกติ เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐบาลและสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลทหารเมียนมาปล่อยตัวแกนนำพลเรือนที่ถูกจับกุมไปในการรัฐประหาร ซึ่งรวมทั้งนางออง ซาน ซูจี

ในขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมายังคงออกปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มต่อต้านในยามกลางคืนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในบางจุด รวมทั้งที่เมือง มยินจาน ซึ่งวิทยุเอเชียเสรี ภาคภาษาเมียนมารายงานว่า มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย รวมทั้งกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารยกกำลังไปบุกวัดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งในเขตมัณฑะเลย์ เพื่อจับกุมผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย นอกจากนั้นเว็บไซต์เมียนมานาว ยังรายงานว่ามีแกนนำในการชุมนุมประท้วง 2 ราย ถูกจับกุม พร้อมกับดาราภาพยนตร์ 1 ราย และนักร้องอีก 1 ราย ทั้งหมดเป็นที่รู้กันดีว่าแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐบาลทหารมาโดยตลอด

ในขณะเดียวกัน เริ่มมีการสร้างแรงกดดันจากนานาประเทศใหม่อีกครั้ง เมื่อนักการทูต 2 คน เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (อียู) บรรลุความตกลงที่จะแซงก์ชั่นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารและปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงเพิ่มเติมอีก 10 คน พร้อมกับแซงก์ชั่น บริษัทขนาดใหญ่ 2 บริษัท ซึ่งเป็นกิจการธุรกิจสำคัญของกองทัพ ทั้งบริษัท เมียนมา อีโคโนมิค โฮลดิง จำกัด (เอ็มอีเอชแอล) และบริษัท เมียนมา อีโคโนมิค คอร์ปอเรชัน (เอ็มอีซี) โดยห้ามไม่ให้นักลงทุนและนักธุรกิจของอียูทำธุรกิจหรือลงทุนในบริษัททั้งสองของเมียนมา ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการเพิ่มเติมจากการใช้การแซงก์ชั่นเพื่อลงโทษนายทหารระดับสูงของกองทัพเมียนมา 11 นาย ไปเมื่อเดือนที่แล้ว

Advertisement

ในขณะที่บริษัท พอสโก โค้ทแอนด์คัลเลอร์ สตีล ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศในวันเดียวกันนี้ว่า ได้ตัดสินใจยุติการร่วมลงทุนกับบริษัท เอ็มอีเอชแอล แล้ว ถือเป็นกิจการข้ามชาติขนาดใหญ่รายแรกที่ประกาศอย่างชัดเจนเช่นนี้ แม้ว่าจะยังไม่ได้ให้รายละเอียดของการยุติการร่วมลงทุนดังกล่าวแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image