ที่มา | นสพ.มติชน รายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ศรีสกุล ลีลาพีระพันธ์ |
เผยแพร่ |
เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 6.2 แมกนิจูด ที่ตอนกลางประเทศอิตาลี เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน ส่งผลทำให้เมืองหลายเมืองได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมไปถึงที่เมืองอามาตริเช ที่ได้รับความเสียหายหนักสุด เมืองพังราบเป็นหน้ากลองจนแทบไม่เหลือร่องรอยของเมืองเดิมเหลืออยู่
โดยเฉพาะที่ หมู่บ้านซาเลตตา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอามาตริเช ที่ถือได้ว่าได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด จนยากที่จะฟื้นฟูขึ้นมาได้
เอเอฟพีได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านซาเลตตาเอาไว้ว่า “ซาเลตตา” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขา ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 20 คน แต่ด้วยความสวยงามตามธรรมชาติของหมู่บ้านแห่งนี้ ในช่วงฤดูร้อนนี้จึงมีผู้คนจากเมืองอื่นที่พากันมาพักผ่อนกันอยู่ที่นี่จำนวนมาก
ซาเลตตาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ง่ายต่อการหายสาบสูญไปอย่างยิ่ง เพราะเป็นเพียงหมู่บ้านที่มีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง ตั้งอยู่ตามเชิงเขาขึ้นไป พื้นที่สำหรับรวมตัวกันของชาวบ้านในหมู่บ้านนี้คือ “ป้ายรถโดยสาร” ที่ทำขึ้นจากไม้
หากแต่เป็นความดิบของธรรมชาติที่เป็นอยู่ ทำให้เป็นเสน่ห์อย่างยิ่งสำหรับผู้มาเยือน
กระนั้นก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่าคงไม่ได้ “หมู่บ้าน” กลับคืนมาอีก
สเตฟาเนีย โนบิล หนึ่งในชาวบ้านที่รอดชีวิตมาได้ แต่เธอกลับสงสัยว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะยังคงมีอยู่ต่อหรือไม่ เพราะเธอสงสัยว่า “ใครจะเข้ามา แล้วใช้เงินเพื่อฟื้นฟูหมู่บ้านให้?”
เช่นเดียวกับ มาร์โก เบลทราเม วัย 28 ปี ที่สูญเสียญาติจากเหตุแผ่นดินไหวถึง 2 คน ที่เชื่อเช่นกันว่าหมู่บ้านแห่งนี้ได้ตายลงแล้ว
“คงไม่มีใครคิดถึงซาเลตตา คนคงคิดถึงแค่อามาตริเช เพราะอามาตริเชเป็นเมืองใหญ่ และซาเลตตาก็จะหายสาบสูญไปเหมือนกับสถานที่เล็กๆ อีกหลายที่…มันจบลงแล้ว” เบลทราเมกล่าวอย่างหดหู่
สเตฟาเนีย โนบิล บอกว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อยู่หมู่บ้านแห่งนี้จะเป็นผู้สูงอายุ และเมื่อถึงช่วงฤดูร้อน บรรดาลูกหลานที่ไปทำงานในต่างเมืองก็กลับบ้านเกิดในช่วงนี้
บางช่วงของฤดูร้อนจะมีคนมาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มากที่สุดถึง 250 คน
แต่โชคดีที่ช่วงนี้คนเหล่านี้เริ่มทยอยออกไปกันแล้ว กระนั้นก็ตาม เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็มีผู้เสียชีวิตมากถึง 22 ราย!
และเชื่อว่าผู้สูงอายุที่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่น่าจะรอดชีวิตจากเหตุธรณีพิโรธครั้งนี้!