คอลัมน์ แกะรอยต่างแดน : ธรณีพิโรธ ที่หมู่บ้านซาเลตตา

AFP PHOTO / MARIO LAPORTA

เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 6.2 แมกนิจูด ที่ตอนกลางประเทศอิตาลี เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน ส่งผลทำให้เมืองหลายเมืองได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมไปถึงที่เมืองอามาตริเช ที่ได้รับความเสียหายหนักสุด เมืองพังราบเป็นหน้ากลองจนแทบไม่เหลือร่องรอยของเมืองเดิมเหลืออยู่

โดยเฉพาะที่ หมู่บ้านซาเลตตา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอามาตริเช ที่ถือได้ว่าได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด จนยากที่จะฟื้นฟูขึ้นมาได้

AFP PHOTO / MARIO LAPORTA
AFP PHOTO / MARIO LAPORTA

เอเอฟพีได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านซาเลตตาเอาไว้ว่า “ซาเลตตา” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขา ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 20 คน แต่ด้วยความสวยงามตามธรรมชาติของหมู่บ้านแห่งนี้ ในช่วงฤดูร้อนนี้จึงมีผู้คนจากเมืองอื่นที่พากันมาพักผ่อนกันอยู่ที่นี่จำนวนมาก

ซาเลตตาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ง่ายต่อการหายสาบสูญไปอย่างยิ่ง เพราะเป็นเพียงหมู่บ้านที่มีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง ตั้งอยู่ตามเชิงเขาขึ้นไป พื้นที่สำหรับรวมตัวกันของชาวบ้านในหมู่บ้านนี้คือ “ป้ายรถโดยสาร” ที่ทำขึ้นจากไม้

Advertisement

 

หากแต่เป็นความดิบของธรรมชาติที่เป็นอยู่ ทำให้เป็นเสน่ห์อย่างยิ่งสำหรับผู้มาเยือน

A picture taken on August 26, 2016 shows rubble and debris of destroyed house in the damaged village of Saletta, three days after a 6.2-magnitude earthquake struck the region killing  some 281 people. Nowhere did the earthquake hit as hard as Saletta, a remote hamlet devastated whose survivors are skeptical that never manage to rise from the ashes. In a mountainous already dotted with abandoned villages, the inhabitants of Saletta, on a nearby hill of Armatrice, see no other future for their tiny corner of history. / AFP PHOTO / MARIO LAPORTA
AFP PHOTO / MARIO LAPORTA

กระนั้นก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่าคงไม่ได้ “หมู่บ้าน” กลับคืนมาอีก

Advertisement

สเตฟาเนีย โนบิล หนึ่งในชาวบ้านที่รอดชีวิตมาได้ แต่เธอกลับสงสัยว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะยังคงมีอยู่ต่อหรือไม่ เพราะเธอสงสัยว่า “ใครจะเข้ามา แล้วใช้เงินเพื่อฟื้นฟูหมู่บ้านให้?”

เช่นเดียวกับ มาร์โก เบลทราเม วัย 28 ปี ที่สูญเสียญาติจากเหตุแผ่นดินไหวถึง 2 คน ที่เชื่อเช่นกันว่าหมู่บ้านแห่งนี้ได้ตายลงแล้ว

“คงไม่มีใครคิดถึงซาเลตตา คนคงคิดถึงแค่อามาตริเช เพราะอามาตริเชเป็นเมืองใหญ่ และซาเลตตาก็จะหายสาบสูญไปเหมือนกับสถานที่เล็กๆ อีกหลายที่…มันจบลงแล้ว” เบลทราเมกล่าวอย่างหดหู่

สเตฟาเนีย โนบิล บอกว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อยู่หมู่บ้านแห่งนี้จะเป็นผู้สูงอายุ และเมื่อถึงช่วงฤดูร้อน บรรดาลูกหลานที่ไปทำงานในต่างเมืองก็กลับบ้านเกิดในช่วงนี้

บางช่วงของฤดูร้อนจะมีคนมาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มากที่สุดถึง 250 คน

แต่โชคดีที่ช่วงนี้คนเหล่านี้เริ่มทยอยออกไปกันแล้ว กระนั้นก็ตาม เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็มีผู้เสียชีวิตมากถึง 22 ราย!

และเชื่อว่าผู้สูงอายุที่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่น่าจะรอดชีวิตจากเหตุธรณีพิโรธครั้งนี้!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image