ไบเดนรับศึกหนัก ผู้อพยพเด็กชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกพุ่ง 9 เท่า
กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ระบุว่าจำนวนผู้อพยพเด็กที่พยามจะเดินทางข้ามพรมแดนจากเม็กซิโกเข้ามายังสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 9 เท่านับจากต้นปีนี้
ยูนิเซฟชี้ว่าขณะนี้ศูนย์รับผู้อพยพที่ชายแดนเม็กซิโกมีจำนวนผู้อพยพเด็กเพิ่มขึ้นจาก 380 รายเป็นเกือบ 3,500 รายในปัจจุบัน และมีผู้อพยพเด็กรายใหม่เดินทางมาถึงศูนย์เพิ่มขึ้นเกือบ 300 คนต่อวัน
เด็กส่วนใหญ่มาจากฮอนดูรัส กัวเตมาลา เอลซัลวาดอร์ รวมถึงประเทศเม็กซิโกเอง โดยจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งเดินทางมาถึงชายแดนโดยปราศจากผู้ปกครอง และกำลังเฝ้ารอที่จะเดินทางข้ามแดนไปยังสหรัฐหรือถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทาง
ผู้อำนวยการของยูนิเซฟในภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียนแสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อสภาพการดำรงชีพของผู้อพยพเด็กรวมถึงมารดาที่อยู่ในเม็กซิโกว่าอาจจะยิ่งเลวร้ายลงในเร็ววันนี้ โดยขณะนี้ครอบครัวของผู้อพยพได้สร้างที่พักซึ่งทำขึ้นเองอย่างง่ายๆ บริเวณชายแดน
ผู้สื่อข่าวบีบีซีระบุว่า ครอบครัวจำนวนมากจะพยายามส่งเด็กข้ามแดนไปโดยไม่มีผู้ปกครองหรือส่งผ่านไปกับขบวนการค้ามนุษย์ โดยหวังว่าเมื่อเด็กเหล่านี้ไปถึงสหรัฐแล้วรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะทำให้พวกเขาได้กลับมาอยู่ร่วมกับผู้ปกครองอีกครั้งในสหรัฐ
อย่างไรก็ดีในระยะหลังรัฐบาลเม็กซิโกได้ส่งทหารเข้าไปประจำการในพื้นที่บริเวณพรมแดนเพื่อจัดการกับขบวนการดังกล่าว โดยเด็กที่ไม่มีผู้ปกครองหรือครอบครัวที่พยายามจะอพยพมารออยู่บริเวณแนวพรมแดนเม็กซิโก-สหรัฐ มีแนวโน้มจะถูกจับกุมตัวในเร็วๆ นี้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีไบเดนเพิ่งเปลี่ยนนโยบายต่อผู้อพยพ โดยจำกัดจำนวนการรับผู้อพยพรายปีของสหรัฐให้อยู่ในระดับเดียวกับสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่มีผู้อพยพจำนวนมากไหลบ่ามารออยู่ที่พรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโก
