ซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ศาลสหรัฐอเมริกาสั่งให้บริษัทแอปเปิล บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของสหรัฐต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นมูลค่าถึง 626 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 22,000 ล้านบาท ให้กับบริษัทเวอร์เน็ตเอ็กซ์ ผู้ฟ้องร้องคดีที่ต่อสู้กันมายาวนานนับตั้งแต่ปี 2555
เวอร์เน็ตเอ็กซ์ ฟ้องร้องบริษัทแอปเปิล โดยกล่าวหาว่าแอปเปิลละเมิดสิทธิบัตรที่เวอร์เน็ตเอ็กซ์เป็นเจ้าของจำนวน 4 ฉบับ โดยเป็นสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารแบบเรียลไทม์ผ่านอินเตอร์เน็ตอย่างไอเมสเซจ เฟซไทม์ รวมถึงซอฟท์แวร์อื่นๆของแอปเปิล
รายงานข่าวระบุว่าในปี 2555 ศาลตัดสินว่าแอปเปิลมีความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรของบริษัทเวอร์เน็ตเอ็กซ์จริง และสั่งให้แอปเปิลจ่ายค่าเสียหายกับเวอร์เน็ตเอ็กซ์มูลค่า 368 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามแอปเปิลอุทธรณ์คำตัดสินและชนะคำอุทธรณ์ในเรื่องทางเทคนิคหลัง เวอร์เน็ตเอ็กซ์ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าลูกค้าของแอปเปิลซื้อไอแพด และอุปกรณ์อื่นๆของแอปเปิลเนื่องจากซอฟท์แวร์ที่แอปเปิลละเมิดสิทธิบัตรเวอร์เน็ตเอ็กซ์
ต่อมาศาลอุทธรณ์ ได้เพิกถอนคำสั่งให้แอปเปิลจ่ายค่าเสียหายไป และส่งคดีกลับให้ศาลแขวงอีสต์เท็กซัส ให้พิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง ทว่าคณะผู้พิจารณาคดีชุดใหม่กลับตัดสินให้แอปเปิลจ่ายค่าเสียหายให้กับเวอร์เน็ตเอ็กซ์มากขึ้นกว่าเดิม โดยให้เหตุผลว่าแอปเปิล “จงใจ” ที่จะละเมิดสิทธิบัตร โดยหลังการตัดสินดังกล่าวหุ้นของบริษัท เวอร์เน็ตเอ็กซ์ เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในช่วงซื้อขายล่วงหน้าก่อนตลาดเปิดทำการ
ทั้งนี้บริษัทเวอร์เน็ตเอ็กซ์ ได้ชื่อว่าเป็น “บริษัทที่หากินกับสิทธิบัตร” เนื่องจากบริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่จากการรับจดสิทธิบัตรให้กับบริษัทอื่นๆ ร่วมกับการฟ้องร้องคดีละเมิดสิทธิบัตร จำนวน 80 ฉบับที่บริษัทถือครองอยู่ โดยในจำนวนนี้ 4 ฉบับที่เป็นคดีความกับแอปเปิลอยู่นั้น เป็นสิทธิบัตรที่เวอร์เน็ตเอ็กซ์ซื้อมาจากบริษัทที่มีชื่อว่า “ไซน์สแอพพลิเคชั่นอินเตอร์เนชั่นแนลคอปอเรชั่น”
ทั้งนี้ในอดีตเวอร์เน็ตเอ็กซ์เคยชนะคดีละเมิดสิทธิบัตรมาแล้วหลายครั้ง หนึ่งในนั้นคือการชนะคดีบริษัทไมโครซอฟท์ ได้รับค่าเสียหายมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ ในปี 2553 และยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องไมโครซอฟท์ในปี 2558 อย่างไรก็ตามเวอร์เน็ตเอ็กซ์แพ้คดีฟ้องร้องต่อบริษัทซิสโกเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา
