เว็บไซต์แคมโบเดียเดลีรายงานว่า ปัจจุบันมีผู้หญิงกัมพูชาไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ ที่แต่งงานกับชายชาวจีนผ่านกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายก่อนจะเดินทางออกจากประเทศกัมพูชาไป ทำให้มีความห่วงกังวลว่าผู้ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการดังกล่าวอาจตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ได้
จากการเปิดเผยของนางชู บุน เอ็ง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมาธิการปราบปรามการค้ามนุษย์และการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ กระทรวงมหาดไทยกัมพูชา เมื่อต้นสัปดาห์ กล่าวว่า มีหญิงกัมพูชาแค่ 100 คน จากราว 7,000 คน ที่ทางการจีนระบุว่าแต่งงานไปกับชายชาวจีนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นั่นหมายความว่าหญิงชาวกัมพูชาที่เหลือไม่ได้มีผ่านกระบวนการหรือมีเอกสารการสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย ข้อมูลที่ได้รับทราบนี้มีขึ้นในการประชุมของเจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชาและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ที่จัดที่จังหวัดเสียมราฐของกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยทั้งสองฝ่ายยังผ่านข้อตกลงร่วมกันในการหาทางป้องกัน ช่วยเหลือและสอบสวนกรณีที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการรอลงนามรับรองข้อตกลงนี้ในระดับผู้นำที่จะมีขึ้นภายในสิ้นปีนี้ และจะมีการหารือถึงแผนปฏิบัติการเฉพาะในปี 2560
รายงานปฏิบัติการเพื่อความร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งสหประชาชาติ ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วชี้ว่า ปัญหานี้ของกัมพูชาถูกขับเคลื่อนมากขึ้นจากการไร้การสร้างงานให้แก่ผู้หญิงที่มีการศึกษาน้อยในประเทศกัมพูชา และความไม่สมดุลสอดคล้องกันระหว่างชายวัยแต่งงานและผู้หญิงในประเทศจีนที่เป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายลูกโทนและวัฒนธรรมที่นิยมลูกชายมากกว่าลูกสาวของจีน ขณะที่ผู้หญิงกัมพูชาที่ตกเป็นเป้าหมายส่วนใหญ่จะถูกนายหน้าให้สัญญาปากเปล่าว่าจะได้เงินดีหรือได้สามีร่ำรวย แต่กลับกลายไปตกกับดักการแต่งงานที่ไม่พึงปรารถนาที่เดินทางไปถึงจีนแล้ว หรือถูกข่มขู่ว่าจะถูกจับกุมเนื่องจากไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง หรือการต้องกลายเป็นหนี้จำนวนมากโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ดี นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีแสดงความกังขาว่าแผนความร่วมมือใหม่ที่มีขึ้นนี้จะช่วยปรับปรุงสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้หรือไม่ โดยขณะนี้ทั้งสองชาติยังไม่มีการดำเนินการที่มีประสิทธิผลในการควบคุมป้องกันการค้ามนุษย์
