แคนาดาแนะใช้วัคซีนจอห์นสันกับคนอายุ 30 ปีขึ้นไป
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม คณะที่ปรึกษาของรัฐบาลแคนาดาแนะนำการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันว่า ควรใช้กับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป แม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องการเกิดลิ่มเลือดก็ตาม
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เฮลต์แคนาดา หน่วยงานดูแลนโยบานสาธารณสุขของแคนาดาได้อนุมัติการใช้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันในผู้ใหญ่ แต่ยังไม่ได้เริ่มฉีดและเจ้าหน้าที่ยังคงระงับการใช้วัคซีนล็อตแรกที่มาถึงจำนวน 300,000 โดสเพื่อตรวจสอบคุณภาพเพิ่มเติม หลังจากพบว่าส่วนผสมของวัคซีนดังกล่าวมาจากโรงงานของอีเมอร์เจนท์ ไบโอโซลูชั่นในบัลติมอร์ สหรัฐอเมริกาที่เคยมีปัญหาเรื่องคุณภาพของวัคซีนก่อนหน้านี้
นางเชลลีย์ ดีคส์จากคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างภูมิคุ้มกันแห่งชาติ ระบุว่า วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่รุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่มีผู้ได้รับวัคซีนราว 17 รายที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จากการฉีดวัคซีนดังกล่าวมากกว่า 8 ล้านโดสในสหรัฐ
นอกจากนี้นางดีคส์ยังระบุว่า วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA อย่างไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาเป็นวัคซีนที่แนะนำให้ใช้มากกว่าวัคซีนแบบไวรัลเวคเตอร์อย่างจอห์นสันแอนด์จอห์นสันและแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดีแต่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย แม้จะพบได้ยาก แต่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และประชาชนควรจะมีตัวเลือกว่าจะฉีดวัคซีนตัวที่มีอยู่ตอนนี้หรือจะรอวัคซีนmRNA
ขณะนี้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเริ่มฉีดแล้วใน 17 ประเทศทั่วโลก รวมถึงฝรั่งเศส แอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา สเปน เยอรมนี และโปแลนด์ ในขณะที่เดนมาร์กเพิ่งประกาศระงับการใช้วัคซีนตัวดังกล่าวเนื่องจาก พบความเชื่อมโยงกับการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่ร้ายแรงและพบได้ยาก
