จี7หารือรับมือจีน จับมือชาติเห็นพ้องตั้งแนวร่วม
การก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจของจีนทำให้ชาติในยุโรปหันมาจับมือกันเพื่อสกัดกั้นแผ่ขยายอิทธิพลของจีนที่พวกเขามองว่าเป็นภัยคุกคาม ล่าสุดที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี7) หารือถึงการจัดตั้งแนวร่วมเพื่อรับมือกับการรุกรานจากจีน
ในการประชุมที่มีการเดินทางไปหารือร่วมกันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี รัฐมนตรีต่างประเทศจี7 ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี แคนาดา และญี่ปุ่น ได้พบกันที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 3 วัน โดยเชิญอินเดีย เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย เข้าร่วมการประชุมด้วย
ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศจี7 ต่างพากันแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจีน รวมถึงการกักขังชาวมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียง การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่มีการขู่เข็ญบังคับต่อประเทศอื่นๆ และมีการพูดถึงการร่วมมือโดยดึงประเทศที่มีแนวคิดเหมือนกันในประเด็นดังกล่าวมาทำงานร่วมกันต่อไป
นายโดมินิค ราบบ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เรียกร้องให้จีนรักษาคำมั่นสัญญาต่างๆ ที่เคยรับปากไว้ ซึ่งรวมถึงเรื่องฮ่องกงที่จีนเคยรับปากว่าจะปกครองแบบหนึ่งประเทศสองระบบ เมื่อครั้งอังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนจีนในปี 1997 อย่งาไรก็ดีราบบ์เรียกร้องให้หาวิธีที่สร้างสรรค์ที่จะทำงานร่วมกับจีนภายใต้วิธีการที่มีเหตุมีผลและเป็นบวก ซึ่งรวมถึงประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เราต้องการเห็นจีนตอบสนองต่อประเด็นปัญหาต่างๆ และแสดงบทบาทอย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า เป้าหมายไม่ใช่การควบคุมจีนหรือทำให้จีนถดถอย แต่พยายามที่จะเชิดชุระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนหลักกฎหมาย ที่ประเทศต่างๆ ได้ลงแรงไปมากมายในหลายสิบปีที่ผ่านมาให้ออกดอกออกผล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อชาวสหรัฐแต่เพื่อประชาชนทั่วโลก รวมถึงจีนเองด้วย
