แพทย์ผู้กุมชะตาเหยื่อโควิด
โรฮาน อักการ์วาล แพทย์หนุ่มวัย 26 ซึ่งกำลังจะเรียนจบการเป็นแพทย์ในปีหน้า อักการ์วาลเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลโฮลีแฟมิลี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดีย และเป็นผู้ที่ตัดสินว่าใครจะได้อยู่ใครจะต้องไปเมื่อมีผู้ป่วยเข้ามาหา ในขณะที่ญาติพี่น้องต่างร้องขอความเห็นใจ
ในอินเดียระบบสาธารณสุขได้ล่มสลายไปแล้วเมื่อต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ที่มีคนติดเชื้อมากกว่า 300,000 คนต่อวันเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ อักการ์วาลต้องทำการตัดสินใจว่าใครจะได้เข้ารักษาขณะที่ต้องทำงาน 27 ชั่วโมงต่อวันซึ่งรวมถึงการเข้าเวรห้องฉุกเฉินตอนกลางคืน ทุกคนในโรงพยาบาลต่างก็รู้ว่าเตียงออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจไม่พอที่จะให้ทุกคนที่เดินทางมาถึงหน้าโรงพยาบาลมีชีวิตต่อได้
อักการ์วาลเริ่มงานเวลา 9.00 น.ที่ห้องฉุกเฉินซึ่งแออัดไปด้วยผู้ป่วยและญาติ ซึ่งหลายคนใส่แค่หน้ากากผ้าธรรมดาๆ ในขณะที่แพทย์และพยาบาลก็ไม่ได้ใส่ชุดป้องกันเต็มตัวเนื่องจากทำงานไม่สะดวก เตียงในห้องฉุกเฉินอยู่ใกล้กันมากจนสามารถเอื้อมถึงกันได้ นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่ไปนอนอยู่ในห้องเก็บของซึ่งมีถังขยะสำหรับขยะทางการแพทย์รายล้อมอีกด้วย แต่ก่อนที่จะเข้าเวรห้องฉุกเฉิน อักการ์วาลเดินเช็คผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยโควิด-19 ก่อน โดยเขามีผู้ป่วยอยู่ในความรับผิดชอบถึง 65 คน จึงมีเวลาดูผู้ป่วยแค่ 3-4 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะมีเหตุฉุกเฉินเข้ามาซึ่งมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ปกติแล้วโรงพยาบาลแห่งนี้สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 275 คน แต่ในปัจจุบันมีผู้ป่วยอยู่ในความดูแลถึง 385 คน ในโรงพยาบาลรัฐแห่งอื่นๆ สถานการณ์ไม่ต่างจากที่นี่นัก มีผู้ป่วยนอน 1 เตียง 2 คนหรือเสียชีวิตอยู่ข้างนอกบนเตียงเข็นผู้ป่วยท่ามกลางแดดร้อนๆ
ไม่ว่าอักการ์วาลจะอยู่ที่ไหน ก็มักจะได้ยินเสียงเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ขณะที่เขาพยายามงีบหลับที่โรงพยาบาล และยังได้ยินขณะพยายามหลับบนเตียงของตัวเองที่บ้านอีกด้วย ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะลืมเรื่องที่ผู้ป่วยในความดูแลของตนเองเสียชีวิตจากไม่ใช่ขาดความพยายาม แต่ขาดทรัพยากร
ปกติแล้ว อักการ์วาลจะกินอาหารกลางวันที่โรงพยาบาล แต่ไม่ใช่วันนี้ที่เสียงของห้องไอซียูดังมากเกินกว่าที่จะรับไหว วันนี้อักการ์วาลหาที่พักผ่อนใกล้กับร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมง ที่มีแอร์แรงๆ ซีเรียลนำเข้าและเพลงของเซเลนา โกเมซเปิดคลอไปในร้าน
ก่อนเวลา 15.00 น.เล็กน้อย อักการ์วาลกลับไปเข้าเวรที่ห้องฉุกเฉิน โดยนั่งอยู่ที่โต๊ะขณะที่บรรดาญาติผู้ป่วยล้อมรอบเพื่อขอให้ทำการรักษา การตัดสินใจของเขาไม่ยากนัก “ถ้าผู้ป่วยมีไข้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน ก็ไม่สามารถรับเข้าโรงพยาบาลได้ นั่นเป็นสิ่งสำคัญ ผู้คนเสียชีวิตอยู่ตามถนนโดยไม่มีออกซิเจน ดังนั้นใครที่ไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน แม้จะป่วยก็ตาม เราก็ไม่สามารถรับเข้าโรงพยาบาลได้” ส่วนการตัดสินใจอีกเรื่องหนึ่งคือ “ถ้ามีชายแก่กับเด็กหนุ่ม ทั้งสองต้องการออกซิเจน แต่เรามีเตียงในไอซียูแค่เตียงเดียว ผมไม่สามารถรู้สึกโศกเศร้าอะไรได้ว่า ชายแก่คนนั้นอาจเป็นพ่อของใครสักคน คนหนุ่มต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน”
ช่วงดึกอักการ์วาลอยู่ที่แผนกผู้ป่วยฉุกเฉิน มีผู้ป่วยในความดูแลของเขาเสียชีวิต 3 คนซึ่งรวมถึงหญิงสาว ขณะที่อยู่ในไอซียู เพื่อนร่วมงาน 2 คนซึ่งพ่อป่วยแต่หายแล้วเหมือนกัน ได้เล่นมุกตลกกันและทำให้อักการ์วาล ตระหนักได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่เขาได้หัวเราะ
เวลาราว 05.00 น. อักการ์วาลพยายามนอนในห้องพักที่ห้องฉุกเฉิน และสุดท้ายการเข้าเวร 27 ชั่วโมงก็จบลง
ความเหนื่อยล้าทำให้อักการ์วาลรู้สึกอยากจะนอนทั้งวันไปจนถึงอีกวันหนึ่งเลย แต่เขายังมีอีกงานหนึ่งคือ พ่อของเพื่อนป่วย และเพื่อนขอให้เขาช่วย ซึ่งเป็นหนึ่งในอีกหลายคนที่โทรมาขอให้ช่วย โดย 9 จากทั้งหมด 10 ครั้ง ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ ไม่ว่าคนที่โทรมาขอความช่วยเหลือจะยืนกรานหรือเป็นคนที่เขารักก็ตาม แต่เขาก็ปฏิบัติเหมือนกันหมด และสุดท้ายเขาก็กลับมาสวมหน้าอนามัยและกลับเข้าไปข้างในดังเดิม