เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อินเดียระบุว่าการกลายพันธุ์ซ้ำของไวรัสโควิด-19 ที่พบเป็นครั้งแรกในประเทศอินเดียเมื่อเดือนมีนาคม อาจมีความเชื่อมโยงกับการระบาดรอบ 2 ของอินเดียที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว โดยจากกลุ่มตัวอย่างการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ที่เรียกว่า สายพันธุ์ B.1.617 ถูกพบใน 8 รัฐของอินเดีย
แต่กว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นอินเดียยืนยันว่าไวรัสกลายพันธุ์ B.1.617 ไม่มีความเชื่อมโยงกับการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ทางการอินเดียยังปฏิเสธว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชื่อมโยงกับไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้และสายพันธุ์บราซิล
ที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอินเดียกล่าวยอมรับว่า ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้คาดคิดถึงความดุร้ายที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงมากเช่นนี้ พร้อมกับกล่าวเตือนว่าการระบาดรอบ 3 ในอินเดีย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าการระบาดรอบ 3 จะเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งเราควรเตรียมการรับมือการระบาดรอบใหม่ หลังจากการระบาดรอบ 2 ได้ทำให้ระบบสาธารณสุขอินเดียต้องเผชิญวิกฤตขาดแคลนเตียงผู้ป่วยและออกซิเจนอย่างหนัก
ขณะที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาออกมาประกาศสนับสนุนการระงับใช้สิทธิบัตรวัคซีนโควิด-19 พร้อมเสนอให้ความช่วยเหลือแก่ชาติยากจนที่กำลังต่อสู้ในการเข้าถึงวัคซีน โดยนางแคเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวว่า ขณะที่สิทธิทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับภาคธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ สหรัฐสนับสนุนการระงับการใช้สิทธิบัตรคุ้มครองต่อวัคซีนโควิด-19 เพื่อที่จะยุติการแพร่ระบาด “นี่เป็นวิกฤตสาธารณสุขโลกและเป็นสถานการณ์พิเศษของโรคระบาดโควิด-19 ที่ต้องการมาตรการพิเศษ”
นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวถึงการตัดสินใจครั้งนี้ของสหรัฐว่าเป็นประวัติศาสตร์ และเป็นช่วงเวลาสำคัญในการต่อสู้กับโรคโควิด-19
