‘ดอน’ยันครม.ไม่ได้ไฟเขียว CPTPP ชี้กนศ.ดูละเอียดทุกประเด็น ย้ำไม่ให้ไทยเสียประโยชน์
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) แถลงถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีการประชุมลับเกี่ยวกับข้อเสนอของกนศ. ที่จะให้มีการขยายเวลาศึกษาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP-ซีพีทีพีพี) ออกไปอีก 50 วัน โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าไทยอาจจะลงนามเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าวจนมีการติดแฮชแท็ก #NoCPTPP ตามมา
นายดอนยืนยันว่ามติครม.เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ถูกนำไปบิดให้เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เพราะในวันดังกล่าวที่ประชุมไม่ได้มีการอภิปรายใดๆ ในเรื่องนี้ เพราะเป็นแค่การยื่นขอขยายเวลาการศึกษา อีกทั้งยังไม่ได้ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีไปลงนามเพื่อให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับการเจรจาซีพีทีพีพีแต่อย่างใด การให้ข้อมูลที่ออกมาจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดและทำให้มีผู้เสียหาย ซึ่งไม่ยุติธรรมเพราะมันไม่เป็นความจริง
นายดอนกล่าวว่า กนศ. ได้ขอขยายเวลาในการพิจารณาออกไปอีก 50 วัน เพราะมีอีกหลายมุมมองที่ต้องดูแลให้ละเอียดรอบคอบในทุกเรื่องที่ได้หารือกันมา เราดำเนินการด้วยความระมัดระวัง และทำงานแบบพลิกหินทุกก้อนขึ้นมาดู ถ้าที่สุดแล้วได้รับมอบหมายจากครม.ให้มีการเจรจา ก็จะต้องเป็นการเจรจาที่ลดผลกระทบและข้อห่วงกังวลต่างๆ ที่มีอยู่ รวมถึงมีการจัดทำข้อสงวนเพื่อให้เกิดมุมลบน้อยที่สุด ไปจนถึงการให้มีกลไกเยียวยาที่เพียงพอและยั่งยืน
นายดอนกล่าวอีกว่า จากนี้ไปก็ยังมีขั้นตอนที่ต้องทำต่อไปอีก 4 ขั้นตอน 1.เร่งพิจารณารายละเอียดต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 มิถุนายน 2.ครม.พิจารณาข้อเสนอและความเห็นของกนศ.ในเรื่องซีพีทีพีพี 3.ถ้าเห็นชอบให้มีการเจรจาก็จะเจรจาภายใต้การรับรู้ว่ามีประเด็นที่เป็นปัญหาที่ใดและมีมาตรการรับมือในการเจรจาอย่างไร และ 4.หากสุดท้ายเจรจาแล้วเสร็จก็ต้องนำผลการเจรจาเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาเพื่อให้พิจารณาต่อไป
ประธานกนศ.ย้ำว่า ขั้นตอนต่างๆ โดยเฉพาะการเจรจา หากมีขึ้นจะใช้เวลานานหลายปี ถ้าเจรจาแล้วมันไม่ไหวก็คือไม่ไหว แต่เราจะถอดใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่มีทางไปสู้เขาในเวทีโลกได้ ยืนยันว่าเราจะไม่ทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์อย่างแน่นอน
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
