กต.แจงละเอียด ดำเนินการกรณีหมิ่นสถาบัน-จัดหาวัคซีนโควิด

ธานี แสงรัตน์

กต.แจงละเอียด ดำเนินการกรณีหมิ่นสถาบัน-จัดหาวัคซีนโควิด

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่มีสื่อมวลชนรายงานข่าวการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของกระทรวงการต่างประเทศในสื่อสังคมออนไลน์ในประเด็นต่าง ๆ เช่น กรณีการดำเนินการต่อผู้ให้ร้ายสถาบันฯ หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ กรณีสถานทูตต่างประเทศบางแห่งอาจมีพฤติกรรมแทรกแซงกิจการภายในของไทยและเชิญชวนคนไทยย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ตลอดจนปัญหาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

นายธานีกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศย่อมตระหนักดีว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทย หากมีผู้ล่วงละเมิดหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบันฯ แล้วหลบหนีไปต่างประเทศ ย่อมเป็นงานสำคัญเร่งด่วนที่จะติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย เช่น ขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศไม่เคยนิ่งนอนใจตามที่มีการกล่าวหา แต่ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ของไทยมาอย่างต่อเนื่องและติดตามความคืบหน้าโดยตลอด โดยคำนึงถึงหลักปฏิบัติสากล ในกระบวนการนี้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้นำส่งคำขอผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศที่เกี่ยวข้องตามคำขอของหน่วยงานรับผิดชอบหลัก เช่น การขอตัวผู้หลบหนีหมายจับตาม ป.อาญา มาตรา 112 ได้ดำเนินการไป 8 ราย แต่การจะได้ตัวคนเหล่านั้นมาดำเนินคดีได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลในประเทศนั้น ๆ  หากความผิดตามกฎหมายไทยไม่เป็นความผิดตามกฎหมายท้องถิ่นในประเทศนั้น ๆ รวมถึงข้อยกเว้นทางกฎหมายอื่น ศาลมักปฏิเสธคำขอ

นายธานีกล่าวว่า การปกป้องสถาบันฯ ไม่ได้มีแต่วิธี “ไล่จับพวกล้มเจ้า” โดยปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น  คนไทยทุกคนสามารถช่วยกันคนละไม้คนละมือเท่าที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย โดยการไม่ส่งต่อข้อมูลพาดพิงสถาบันฯ ที่ปราศจากหลักฐานยืนยัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ก่อกวนให้เกิดความสับสนอลหม่านจนกระทบต่อการดำเนินการใด ๆ ที่มีอยู่ให้เสียขบวน  ยิ่งเป็นผู้ที่มีบทบาททางการเมืองหรือในสังคมยิ่งต้องมีจิตสำนึกถึงหน้าที่ของตนต่อชาติบ้านเมือง และต้องตระหนักว่า การวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ต้องเริ่มจากการมีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำเสียก่อน มิเช่นนั้นก็สุ่มเสี่ยงจะนำพาผู้อื่นให้เข้ารกเข้าพงแห่งความเข้าใจผิดไปเสียเปล่า ยิ่งกว่านั้นจะทำให้ตนเองเสียความน่าเชื่อถือไปด้วย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า เมื่อมีสื่อมวลชนต่างประเทศนำเสนอข่าวเชิงลบเกี่ยวกับสถาบันฯ กระทรวงการต่างประเทศจะทำหนังสือถึงบรรณาธิการสำนักข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง หรือพูดคุยกับผู้สื่อข่าวโดยตรง เพื่อให้แก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสื่อแต่ละสำนักมีจุดยืนในการนำเสนอข่าวของตนเอง บางแห่งอำนาจการตัดสินใจอยู่กับบรรณาธิการประจำภูมิภาคหรือสำนักงานใหญ่ กระทรวงการต่างประเทศก็ติดตามไปทำความเข้าใจอย่างไม่ลดละ ใช้ทุกกลไก เครือข่ายและทรัพยากรที่มี โดยเฉพาะสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศ ซึ่งบางครั้งก็ทำสำเร็จ บางครั้งก็ไม่เป็นผล แต่เราทำอย่างเต็มที่ทุกกรณี  อย่างน้อยก็แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนทุกครั้ง และผลงานที่สำเร็จถือว่ามีไม่น้อย โดยมีสื่อที่ยอมถอดคลิปไม่เหมาะสมออกจากยูทูบมาแล้ว  บทความภาษาอังกฤษก็มีตีพิมพ์ลงสื่อหลักหลายฉบับทั่วโลก ซึ่งหากติดตามก็จะทราบ

Advertisement

นายธานีกล่าวต่อว่า แม้จะยังไม่ได้ตัวผู้หลบหนีคดีกลับมาไทย แต่ฝ่ายไทยได้พูดคุยทำความเข้าใจกับทางการของหลายประเทศอยู่ตลอดว่า สถาบันฯ มีความสำคัญสูงสุดสำหรับคนไทยและเกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติ จึงขอความร่วมมือดูแลไม่ให้มีการกระทำใด ๆ ที่เป็นการกระทบกระเทือนจิตใจของคนไทย  ในขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้เร่งเสริมสร้างให้ต่างประเทศเข้าใจความสำคัญของสถาบันฯ ในสังคมไทย เนื่องจากมีผู้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนอยู่เนือง ๆ เราจำเป็นต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยได้พบหารือบุคคลสำคัญอย่างต่อเนื่อง จัดกิจกรรมเสวนาเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ จัดทำสารคดี หนังสือ และบทความ เพื่อเผยแพร่เป็นภาษาต่างประเทศผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ และออนไลน์ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบรมวงศานุวงศ์ด้านการพัฒนา และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น

นายธานีกล่าวว่า คณะผู้แทนทางการทูตมีหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และต้องเคารพกฎหมายของประเทศผู้รับตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางทูต ค.ศ. 1961  ดังนั้น หากมีหลักฐานปรากฏชัดว่าสถานทูตใดดำเนินการไม่เหมาะสม หรือทำผิดกฎหมายไทย กระทรวงการต่างประเทศจะทำความเข้าใจกับสถานทูตนั้น ๆ เพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง  ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญคณะทูตมารับฟังบรรยายสรุปและแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อสร้างเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในไทย และแนวปฏิบัติสำคัญอย่างสม่ำเสมอ เช่น การบังคับใช้กฎหมาย และการขอสังเกตการณ์กระบวนการยุติธรรมของไทย

“เมื่อไม่กี่ปีก่อน ช่วงที่สถานการณ์การเมืองร้อนแรง มีคดีความเกี่ยวกับการเมืองหรือผู้ชุมนุมมากมาย เป็นที่สนใจของสถานทูตต่างประเทศที่ชอบไปสังเกตการณ์ จนบางครั้งถูกตีความไปว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญคณะทูตที่เกี่ยวข้องมาทำความเข้าใจและย้ำให้ระมัดระวังมากขึ้น พร้อมทั้งให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศก่อนทุกครั้ง หากจะไปสังเกตการณ์หรือไปปรากฏตัวในสถานที่ที่อาจเป็นประเด็นขึ้นมาอีก ซึ่งได้รับความเข้าใจและถือปฏิบัติ แต่เราไม่ได้ไปป่าวประกาศให้ทุกคนรับรู้ เพราะมีการยึดปฏิบัติและเคารพตามครรลองที่ตกลงกันไว้แล้ว”นายธานีกล่าว

Advertisement

ในประเด็นการเชิญชวนคนไทยให้ย้ายถิ่นฐานนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การโยกย้ายถิ่นฐานเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน  หลายประเทศก็มีนโยบายเปิดรับคนต่างชาติไปตั้งถิ่นฐาน โดยมีเงื่อนไขแตกต่างกัน  หลายประเทศเปิดรับผู้มีความรู้ความสามารถเพื่อเตรียมรับการเป็นสังคมผู้สูงวัย

นายธานีกล่าวว่า โลกยุคปัจจุบันอาจจะทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ยึดติดกับการเป็นพลเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ไม่ว่าคนไทยจะย้ายไปอยู่ที่ใด ขอให้แจ้งชื่อที่อยู่ให้แก่สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในประเทศนั้น ๆ เพื่อให้สามารถดูแลชุมชนไทยได้ ตามนโยบาย “การทูตเพื่อประชาชน ทุกแห่งหนเราดูแล” เช่น ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และการช่วยเหลือคนไทยในสหรัฐที่ประสบปัญหาความรุนแรงจากการเหยียดเชื้อชาติ ในทางกลับกัน ประเทศไทยก็มีคนต่างชาติ สื่อมวลชนและชุมชนนักธุรกิจต่างประเทศที่นิยมมาตั้งถิ่นฐานหรือทำงานจำนวนมาก เพราะปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่าง ๆ  ประเทศไทยจึงเป็นพหุสังคมที่มีความหลากหลายของวิถีชีวิต เศรษฐกิจและความเชื่ออย่างที่เห็นกันอยู่

สำหรับประเด็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19 นั้น นายธานีกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศไม่มีอำนาจหน้าที่ในการเลือกใช้วัคซีนโควิด-19 แต่มีบทบาทสนับสนุนในการจัดหาวัคซีน ในฐานะกรรมการภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีน COVID-19 โดยช่วยประสานงานระหว่างหน่วยงานด้านวัคซีนในประเทศที่มีศักยภาพกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาเจรจาความร่วมมือต่อไป อาทิ AstraZeneca, Sinovac และ Sinopharm, Bharat Biotech, Johnson & Johnson และ Sputnik V เป็นต้น ซึ่งกรณีล่าสุด Sputnik V กระทรวงการต่างประเทศก็เจรจากับรัฐบาลรัสเซียจนเป็นผลสำเร็จ โดยรัสเซียพร้อมจัดส่งวัคซีนให้เร็วเป็นพิเศษเมื่อขั้นตอนทางเทคนิคเรียบร้อย

“ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ รวมทั้งความเข้าใจ เข้าถึง และมารยาททางการทูต  ในหลายกรณี การเจรจาความร่วมมือจะบรรลุผลมากกว่าหากดำเนินการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งการไม่เป็นข่าวก็มิได้หมายความว่า ไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของไทย แต่ที่จริงแล้ว มีการระดมสรรพกำลังอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะในภาวะวิกฤตอย่างโควิด-19 ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานทูตสถานกงสุลใหญ่ของไทยทุกแห่งทุ่มเททำงานไม่ได้หยุดหย่อน บางครั้งเสี่ยงชีวิตและพร้อมเป็นทุกอย่างในบริการเดียว คือเพื่อให้คนไทยและชาติเราอยู่รอดปลอดภัย  การทูตไทยจึงไม่ได้ดำเนินการแบบ “ฆ้องปากแตก” ที่ประโคมข่าวไปเสียทุกเรื่อง แต่เป็น “น้ำนิ่งไหลลึก” เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติในทุกสถานการณ์”นายธานีกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image