ฮิวแมนไรท์วอชจี้ไทยให้นักโทษเข้าถึงสุขอนามัยที่ดี

นักโทษที่ติดเชื้อโควิด-19นั่งอยู่ภายในโรงพยาบาลสนามภายในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรุงเทพ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม (เอพี)

ฮิวแมนไรท์วอชจี้ไทยให้นักโทษเข้าถึงสุขอนามัยที่ดี

สืบเนื่องจากกรณีที่มีการเปิดเผยจากกรมราชทัณฑ์ว่า มีนักโทษและผู้ต้องขังชายและหญิงมากกว่า 2,000 รายติดเชื่้อโควิด-19 องค์การรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์ วอทช์ (เอชอาร์ดับเบิลยู) ของสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมนี้เรียกร้องว่า ทางการไทยควรดำเนินมาตรการโดยทันทีเพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ต้องขังและนักโทษทั้งหมดสามารถเข้าถึงมาตรการเพื่อการป้องกันและการดูแลสุขอนามัยได้เพียงพอ และควรลดความแออัดภายในเรือนจำลงด้วยการปล่อยตัวนักโทษหรือผู้ต้องขังที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงต่อสังคมเป็นอิสระ

นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของเอชอาร์ดับเบิลยู ระบุว่า รัฐบาลไทยมีพันธะผูกพันต้องปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล ต้องดูแลและให้ความคุ้มครองด้านสุขอนามัยต่อนักโทษและผู้ต้องขังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังขยายตัว นอกจากดูแลและตรวจหาเชื้อแล้ว ควรต้องลดจำนวนผู้ที่อยู่ในเรือนจำลง ปล่อยตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาทางการเมืองหรือผู้กระทำความผิดลหุโทษ หรือ ผู้ที่มีโรคประจำตัวรุนแรง ออกจากเรือนจำภายใต้มาตรการควบคุมติดตามตัว

ในถ้อยแถลงของเอชอาร์ดับเบิลยูระบุว่า สิ่งที่ทางการไทยควรดำเนินการเร่งด่วนคือ การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้ผู้ต้องขังอย่างเพียงพอ จัดให้มีน้ำ ระบบที่ถูกสุขลักษณะ สุขอนามัย ให้กับนักโทษและผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ของทัณฑสถานควรกำหนดและควบคุมให้มีมาตรการรักษาระยะห่างที่เหมาะสม และควรเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในเรือนจำทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอและโปร่งใส ทั้งต่อเจ้าหน้าที่ คนในเรือนจำและต่อสาธารณชน และควรดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาสภาพแออัดของเรือนจำตามแนวทางและขั้นตอนที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) กำหนดไว้ รวมทั้งการปล่อยตัวนักโทษหรือผู้ต้องขังสูงอายุ หรือที่มีโรคประจำตัวและมีความเสี่ยงสูงหากได้รับเชื้อโควิด-19 เป็นอิสระ ซึ่งในขณะนี้ทางการไทยยังดำเนินการน้อยเกินไปและช้ามากเกินไป

นอกจากนั้น ทางกรมราชทัณฑ์ ควรพิจารณาหาทางเลือกอื่นซึ่งจะทำให้นักโทษและผู้ต้องขังสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้อย่างสม่ำเสมอ ทดแทนการเดินทางไปเยี่ยมของญาตินักโทษและผู้ต้องขังด้วยตัวเองซึ่งทางกรมฯมีคำสั่งห้ามเด็ดขาดตั้งแต่ 5 เมษายนที่ผ่านมา อาทิ เปิดให้มีวิดีโอคอลล์ หรือ การติดต่อทางโทรศัพท์ ทดแทน นอกจากนั้นควรเปิดให้มีการตรวจสอบสภาพภายในเรือนจำจากหน่วยงานอิสระได้อีกด้วย

Advertisement

“รัฐบาลไทยจำเป็นต้องตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ในระบบทัณฑสถาน และแนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่จะเป็นหายนะสำหรับผู้ที่อยู่ในเรือนจำทั้งหมด” นายอดัมส์ ย้ำพร้อมทั้งระบุว่ามีหลายคนเคยเตือนให้หาทางป้องกันไว้ก่อนหน้าแต่รัฐบาลก็ยังเพิกเฉยอยู่นั่นเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image